· ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 102.2 จุด หรือ -0.36% ที่ระดับ 27,934.02 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -0.06% ที่ 3,120.18 จุด ขณะที่ Nasdaq ปิด +0.24% ที่ 8,570.66 จุด
ทั้งนี้ ดาวโจนส์และ S&P500 ปิดปรับลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Home Depot และ Kohl’s จะได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค ประกอบกับข้อพิพาทของสหรัฐฯและจีนที่ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้ง
การอ่อนตัวลงของคาดการณ์กลุ่มผุ้ค้าปลีก ส่งผลให้นักลงทุนให้ความสนใจต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ดูจะเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขณะที่เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มหากยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้
· นักบริหารเงินระบุว่า การไต่สวนนายทรัมป์ได้สร้างภาวะความไม่แน่นอนให้กับตลาด ขณะที่เมื่อคืนนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวระบุว่า ข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ให้ผู้นำยูเครนช่วยสืบประวัติคู่แข่งทางการเมืองของเขา เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่เหมาะสม
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนและแรงกดดันเกี่ยวกับผลลัพธ์ในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.2% หลังจากไปทำสูงสุดตั้งแต่พ.ค. ปี 2015
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงในเช้านี้จากการที่นายทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีจีนอีกครั้ง โดยดัชนีนิกเกอิ และ Topix เปิดอ่อนตัวลง ในขณะที่ยอดส่งออกญี่ปุ่นปรับตัวลง 9.2% เมื่อเทียบรายปี
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.37% ขณะที่ ASX200 เปิด -0.96% และดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.23%
ตลาดการเงินส่วนใหญ่รอความชัดเจนในการเจรจาการค้าของสหรัฐฯและจีนก่อนกำหนดเส้นตาย 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นวันที่สหรัฐฯกำหนดว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ในวันดังกล่าว
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15 - 30.25 บาท/ดอลลาร์
-ฝ่ายวิจัยด้านเศรษฐกิจและตลาดเงิน Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 62 จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 2.8% เหลือขยายตัวแค่ 2.5% โดยคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะขยายตัวประมาณ 2.6%YOY
-นายกรัฐมนตรีไทยและรมว.กลาโหมไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ได้กำชับกับบรรดารัฐมนตรีให้ไปดูแลปัญหาทั้งในด้านเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มแรงงาน ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เนื่องจากหลายอย่างเป็นมิติที่ต้องหารือร่วมกันในการทำงานต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งรวมถึงการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงด้านท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนของรัฐที่ประกอบไปด้วยหลายส่วน ทั้งงบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ที่จะต้องเร่งขับเคลื่อนในไตรมาส 4/62 เพื่อส่งต่อไปยังไตรมาส 1/63
-ธนาคารธนชาต (TBANK) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.35% จากเดิม 7.500% มาอยู่ที่ 7.150% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป