· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดของราคาน้ำมันกดดันให้ราคาน้ำมันปรับลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.7%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่หุ้นภาคเทคโนโลยีสารสนเทศร่วงลงมากที่สุด นำโดย บริษัทเซมิคอนดักเตอร์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหากว่าจีนยังไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ โดยถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากที่พบกับคณะรัฐมนตรีของเขาเมื่อวานนี้ ท่ามกลางสหรัฐฯและจีนที่มีการเจรจาการค้ามาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.62% ที่ระดับ 23,148.57 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ประณามร่างกฎหมายร่างกฎหมายสนับสนุนประชาธิปไตยของสหรัฐฯว่า ละเมิดกฎหมายประเทศและบรรทัดฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นการล้างมลทินให้กับอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มประท้วงที่ใช้ความรุนแรง เพื่อเป้าหมายทางการเมือง
นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศจีน เตือนว่าพร้อมจะตอบโต้ หากผู้นำสหรัฐฯลงนามบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดก้าวก่ายกิจการภายในของทั้งฮ่องกงและจีน
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 1.0% ที่ระดับ 3,907.86 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหากว่าจีนยังไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ โดยถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากที่พบกับคณะรัฐมนตรีของเขาเมื่อวานนี้
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.6% ด้านหุ้นทรัพยากรและหุ้นธนาคารลดลงมากกว่า 1% เนื่องจากทุกภาคส่วนและตลาดหุ้นหลักเคลื่อนไหวในแดนลบ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่มีแนวคิดการปรับคณะรัฐมนตรีหรือทีมเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนว่ารัฐบาลรับทราบและเข้าใจถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างดี จึงได้มีการหารือระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแนวทาง รูปแบบ วิธีการ การทำงานของรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจให้กระชับรัดกุมมากยิ่งขึ้น มุ่งให้เกิดผลทั้งเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาค โดยเฉพาะประโยชน์แก่ผู้มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ และมีมาตรการต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศและนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้
- นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรมอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทย เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) กำหนดจัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “ผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป” ในวันที่ 21 พ.ย. 62 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณโรงแรมวินเซอร์ สุขุมวิท 20 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาและผู้สนใจทั่วไปได้รับทราบและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ