· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นตลาดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันเศรษฐกิจโลก ขณะที่ภาพรวมความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงดูจะถูกบั่นทอนลงไปจากสัญญาณความคืบหน้าที่ผสมผสานกันระหว่างสหรัฐฯและจีนว่าจะลงรอยกทำข้อตกลงกันได้หรือไม่ได้เพื่อยุติข้อพิพาทกันในเวลานี้
ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.07% ที่ระดับ 97.999 จุด
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มนักลงทุนค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อข้อตกลงการค้า และคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเดินหน้าทำข้อตกลงร่วมกันได้ในไม่กี่วันข้างหน้า
· เมื่อวานนี้รายงานจาก South China Morning Post ระบุว่า สหรัฐฯอาจเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนออกไป แม้ว่าข้อตกลงการค้าอาจไม่เกิดขึ้นภายใน 15 ธ.ค. โดยในวันดังกล่าวจะเป็นกำหนดการขึ้นภาษีในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และของตกแต่งสำหรับเทศกาลคริสมาสต์
รายงานจาก Bloomberg เผยว่า นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน รวมทั้งหัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้า กล่าวว่า ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อข้อตกลงการค้าเฟสแรก
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในเฟสแรกมีเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนจากหลายๆฝ่ายว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะสามารถพบกันเพื่อลงนามข้อตกลงการค้าได้หรือไม่ ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า จีนมีความตั้งใจที่จะยอมรับความเท่าเทียมและเคารพสหรัฐฯเพื่อร่วมกันหาข้อตกลงในการขจัดความกังวลและปัญหาของข้อตกลงการค้าเฟสแรก
นอกจากนี้ เขายังปฏิเสธถึงข่าวลือที่ว่าการเจรจาการค้าไม่ประสบผลสำเร็จ โดยกล่าวย้ำว่า การเจรจาของผู้แทนระหว่างสองประเทศยังคงหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดฃ
· โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวแถลงในนามรัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ โดยประณามและประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐฯด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายที่สมาชิกสภาคองเกรสส่งมาถึง ที่เหลือเพียงรอการลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
นอกจากนี้ เขายังมีการกล่าวกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ณ กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่า จีนไม่มีวันยอมให้ใครมาทำลายความเจริญและความมั่นคงของฮ่องกง รวมถึงการทำลายระบบการปกครองแบบหนึ่งประเทศสองระบบ โดยการกระทำของสหรัฐฯถือเป็นการเข้าข่ายสนับสนุนอาชญากรด้านความรุนแรง ความวุ่นวาย และทำลายฮ่องกง จึงถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในอย่างชัดเจน
· รายงานจาก Reuters เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการลงนามร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อขยายเวลา Shutdown ของภาครัฐบาลออกไปจนถึง 20 ธ.ค.นี้ โดยจะมีผลเริ่มต้นในวันนี้ และตั้งแต่วันนี้จนถึง 20 ธ.ค. ทางสภาล่างและสภาสูงของสหรัฐฯจะร่วมหารือกันเพื่อหาข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณระยะยาว ซึ่งพวกเขาต่างก็คาดหวังว่าจะนำมาเป็นบทสรุปของกฎหมายในการรักษาการจัดการภาครัฐบาลได้ตลอดจนถึง 30 ก.ย. ปี 2020 หรือสิ้นปีงบประมาณของปี
อย่างไรก็ดี การทำงานร่วมกันของสองพรรคกก็ยังดูจะมีอุปสรรคจากปัญหาการไต่สวนนายทรัมป์ในเวลานี้ ที่ยังคงอยู่ในกระบวนการของทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
· สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งทีมบริหารของนายทรัมป์ยังไม่สามารถตกลงกันได้สำหรับข้อตกลงใหม่ของสหรัฐฯเกี่วกับข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยยังมีหลายส่วนที่ทางพรรคเดโมแครตเป็นกังวลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องมือต่างๆสำหรับภาคแรงงาน และมาตรฐานของสภาวะแวดล้อม
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 2% จากรายงานของ Reuters ที่ระบุว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้า ขณะที่สัญญาณครั้งใหม่หลังจากที่จีนได้เชิญผู้แทนการค้าของสหรัฐฯเข้าร่วมเจรจาทางการค้ารอบใหม่
โดยสัญญาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 2.5% ที่ระดับ 63.97 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.8% ที่ระดับ 58.58 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นตอบรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงกลางปีหน้า โดยจะประชุมนโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 5 ธ.ค. ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ทั้งนี้่ แหล่งข่าวระบุกับ สำนักข่าว Reuters ว่า ผลการประกาศอย่างเป็นทางการดูเหมือนว่าจะไม่มีการปรับลดการผลิตไปได้มากกว่านี้ แต่การขยายเวลาข้อตกลงก็ดูจะสามารถช่วยพยุงตลาดไม่ให้ราคาปรับล่วงลงมากกว่านี้ก็ตาม