· ราคาทองคำปรับตัวลงในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ข้อมูลการผลิตและภาคบริการสหรัฐฯออกมาดีขึ้นจึงจำกัดความต้องการทองคำ โดยราคาทองคำปรับตัวลง 0.1% ที่ระดับ 1,462.97 เหรียญ ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงไปประมาณ 0.3%
· ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทรงตัวที่ 1,463.6 เหรียญ
· ผลสำรวจกลุ่มผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แสดงให้เห็นถึง ข้อมูลผลผลิตภาคการผลิตปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ภาคบริการสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาด
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯดูจะเป็นเหตุผลให้เฟดยังคงดอกเบี้ยต่อไปในการประชุม 2-3 ครั้งข้างหน้า และจะส่งผลให้ดอลลาร์ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯให้ปรับตัวสูงขึ้น และเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ
· จะเห็นได้ว่า หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงมา 3 ครั้งในปีนี้ ก็ได้มีการกล่าวย้ำว่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปก่อนจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีสัญญาณขาลง
· ผู้จัดการฝ่ายการขายประจำ Silver Bullion กล่าวว่า ความกลัวผลกระทบระยะยาวจาก Trade War ดูจะผ่อนคลายลงไปจากตลาด ขณะเดียวกันก็ยังมีความไม่แน่นอนของการบรรลุข้อตกลงการค้าในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ ซึ่งความผันผวนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทองคำ รวมทั้งทำให้เฟดอาจต้องขยายยอดงบดุลอีกครั้ง
· ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจดูจะทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 14% ในปีนี้ และอาจเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 9 ปี อันเนื่องจากภาวะ Trade War ระหวางสหรัฐฯและจีน ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำข้อตกลงการค้ากับจีนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะใกล้สมบูรณ์เร็วๆนี้ พร้อมแสดงท่าทีในการเคียงข้างชาวฮ่องกง และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
· นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ตลาดกำลังจับตาว่าจะมีการเลื่อนข้อตกลงการค้าออกไปหรือไม่ และสถานการณ์ดังกล่าวที่ยังไม่แน่นอนก็ดูจะกดดันทองคำ
· กองทุนทองคำ SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 891.79 ตัน
· ซิลเวอร์ปิด -0.4% ที่ 17.02 เหรียญ ในขณะที่พลาเดียมปิด -2.5% ที่ระดับ 891.74 เหรียญ และราคาแพลทินัมปิด +0.8% ที่ระดับ 1,774.05 เหรียญ ซึ่งภาพรวมปรับขึ้นได้ประมาณ 4% ในสัปดาห์นี้