· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนหวังว่าจะมีความคืบหน้าในข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น
เมื่อวันเสาร์ทีผ่านมา นายโรเบิร์ต โอ ไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งเตือนว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมทำเป็นว่าไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในฮ่องกง
โดยถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลที่ว่า การกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง อาจทำให้การเจรจาทางการค้าของทั้งสองฝ่ายซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญีปุ่นฟื้นตัวขึ้น 0.7% หลังจากที่ร่วงลงไป 0.4% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเหล่านักลงทุนกลับมามั่นใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.78% ที่ระดับ 23,292.81 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มผู้ส่งออกในภาคไอทีและภาคอุตสาหกรรมอุปกรณ์ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ
· ตลาดหุ้นจีนเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังครั้งใหม่เกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 2,906.17 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่คาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระรหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.6% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรเพื่มข้น 0.6% หุ้นกลุ่มทรัพยากรเพิ่มขึ้น 1.7% เนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวไปในแดนบวก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีของไทย ยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลยังเดินหน้าไปด้วยกัน เพียงแต่แต่ละกระทรวงจะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งกระทรวงการคลังคงไม่ได้ไปทำในเรื่องการส่งออก เพราะไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกันตลอดเวลากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเห็นว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วน ทั้งเรื่องการส่งออก, ค่าครองชีพ, การเบิกจ่ายของภาครัฐ และการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้นจำเป็นที่เครื่องยนต์เหล่านี้ต้องเดินไปข้างหน้าทุกตัว ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะต้องมีการพิจารณาให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงสถานการณ์ โดยระหว่างนี้ยังขอให้รอดูไปก่อน เนื่องจากยังมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน และต้องรอให้ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
-นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางและแผนยุทธศาสตร์ของ ธปท.ใน ปี 63-65 ว่า ในระยะ 3 ปีข้างหน้าจากนี้ไป ธปท.จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงของ "ธนาคารกลางท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง" หรือ Central banking in a transformative world โดยมีพันธกิจหลัก คือ การมุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่มีเสถียรภาพ และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและทั่วถึง