· นักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักที่ร่วมตอบแบบสำรวจโดย Reuters คาดว่า ดัชนีหุ้นสหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นต่อในปี 2020 แต่จะปรับขึ้นด้วยอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยดัชนี S&P 500 ถูกคาดว่าจะปิดตลาดปี 2020 ที่ระดับ 3,260 จุด หรือขึ้นประมาณ 4% จากระดับปัจจุบัน
· หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดหุ้นจาก Barclays กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกดูจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากข้อพิพาทของสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะบรรเทาลง จึงมีโอกาสเห็นดัชนี S&P500 ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ในปี 2020 ที่ระดับประมาณ 3,300 จุดในช่วงสิ้นปีหน้า โดยที่สัญญาณภาวะถดถอยได้เลือนหายไปจากตลาด แต่ก็ยังต้องระมัดระวังต่อมุมมองเชิงบวกของการเรจาสงครามการค้า และการดำเนินนโยบายที่ดูเหมือนธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น และตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจาการค้าใกล้จะนามในข้อตกลงเฟสแรก ท่ามกลางกระแสคาดการ์ที่ว่าเฟดจะรักษาดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
ทางด้านนายทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน
โดยสหรัฐฯกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯก็อยู่เคียงข้างกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ซึ่งถ้อยแถลงของนายทรัมป์ช่วยหนุนตลาดหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.29%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ใกล้จะสามารถบรรลุข้อตกลงในเฟสแรกร่วมกันได้
โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.28% ที่ระดับ 23,437.77 จุด ท่ามกลางการปรับตัวสูงขึ้นของภาคไอทีและภาคอุตสาหกรรมในปีนี้เพิ่มขึ้น 16.75%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปีนี้สามารถปรับสูงขึ้นมาได้ประมาณ 20% ขณะที่บรรดาองค์กรรายใหญ่อย่าง Morgan Stanley, UBS และ Nomura ต่างคาดการณ์กันว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นหรือดัชนี Nikkei มีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นต่อในปี 2020 ท่ามกลางผลประกอบการที่สดใสของภาคบริษัทในประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่แบบสำรวจโดย Reuters ก็คาดการณ์ว่าดัชนี Nikkei จะปรับตัวสูงขึ้นต่อภายในปีหน้า และจะขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษที่ระดับ 25,000 จุด หรือขึ้นประมาณ 7.3% จากระดับปัจจุบัน
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากข้อมูลผลประกอบการภาคอุตสาหกรมมออกมาอ่อนแอที่ระดับ 9.9% เมื่อเทียบรายปี ท่ามกลางถ้อยแถลงของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ระบุว่า ข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนใกล้บรรลุแล้ว
โดยดัชนี Shanghai Composite index ลดลง 0.15 ที่ะรดับ 2,903.19 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเหล่านักลงทุนที่มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงเเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.3% ด้านหุ้นทรัพยากรเพิ่มขึ้น 0.8% เนื่องจากตลาดดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบว
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) เปิดเผยว่า SFLEX จะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และกำหนดวันจองซื้อหุ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค.62 หลังจากบริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่งออกบทวิเคราะห์ประเมินช่วงราคาเหมาะสมของหุ้น SFLEX ไว้ที่ 5.4-6.1 บาท/หุ้น พร้อมทั้งคาดว่าจะนำหุ้นSFLEX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ได้ก่อนสิ้นปีนี้
- นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความตกลงความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP JC) ในวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2562 ณ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-นิวซีแลนด์ ที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งนิวซีแลนด์ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทยทุกรายการแล้วตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่ ไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีกว่าร้อยละ 99 ของรายการสินค้าทั้งหมดจากนิวซีแลนด์แล้ว ส่งผลให้การค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวถึงร้อยละ 321 นับตั้งแต่เอฟทีเอระหว่างสองประเทศมีผลใช้บังคับ