• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562

    29 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

 

· ค่าเงินดอลลาร์สัปดาห์นี้เข้าสู่รายสัปดาห์ที่ปิดดีที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งและหนุนให้กลุ่มนักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์มากขึ้น ในขณะที่ตลาดลดความคาดหวังในเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด


เช้านี้ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 109.51 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางจากวันหยุด Thanksgiving ของสหรัฐฯ ขณะที่เงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.2910 ดอลลาร์/ปอนด์ และยูโรทรงตัวที่ 1.1012 ดอลลาร์/ปอนด์ ทางด้านดัชนีดอลลาร์แข็งค่ามาทรงตัวที่ 98.37 จุด


· ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเศรษฐกิจ London School of Economics กล่าวว่า แม้นักลงทุนจะรอความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน แต่การลงนามข้อตกลงเฟสแรกก็ดูจะไม่เป็นชัยชนะที่แท้จริงสำหรับฝ่ายใดเลย เพียงแต่อาจทำให้เราเห็นความคืบหน้าบางส่วน เพราะยังมีหลายๆเรื่องที่ยากในการเจรจา เพราะในท้ายที่สุดเราก็ไม่รู้ว่าทรัมป์จะทำการขึ้นภาษี หรือเลื่อนออกไป เว้นแต่ว่านายทรัมป์จะตัดสินใจยกเลิกภาษีเก่ากับจีน ขณะที่จีนต้องการทำข้อตกลงเพื่อเป้าหมายในระยะยาว แต่สหรัฐฯก็มีความมุ่งเน้นไปยังเทคโนโลยีและนวัตกรรมในรัฐบาล, ภาคเอกชน และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งหากจีนเห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าวให้ออกมาในรูปกฎหมายหรือข้อบังคับก็อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่อาจเกิดขึ้นได้

แต่การเขียนกฎหมายและการทำข้อบังคับยังคงมีความแตกต่างกัน ด้วยเรื่องของระบบกฎหมายที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ตลอดจนเรื่องการจดลิขสิทธิ์ที่ค่อนข้างจะใช้ระยะเวลาพอสมควร

· หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Berenberg กล่าวว่า ความวุ่นวายจากปัญหากลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงถือเป็นปัญหาใหญ่ต่อตลาดทั่วโลก โดยกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ค่อนข้างเห็นชัดเจน เป็นผลมาจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำการลงนามกฎหมายที่สนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งหากสถานการณ์ในฮ่องกงยังคงทวีความรุนแรง เราก็อาจเห็นจีนเดินหน้าใช้กำลังทางการทหารแทรกแซง และก็อาจส่งผลให้ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนไม่เกิดขึ้นได้ แม้จะเป็นเพียงขั้นแรกก็ตาม และนั่นก็จะส่งผลกระทบระยะยาวต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกให้เข้าสู่ภาวะขาลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาตึงเครียดทางการค้า

· นักวิเคราะห์จาก Eurasia Group มีมุมมองว่า การลงนามในร่างกฏหมายสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงอาจเป็นอุปสรรคให้กับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่จะไม่ทำให้การเจรจาล้มเหลวลงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ แม้จีนจะไม่พอใจกับการลงนามร่างกฏหมายดังกล่าว เนื่องจากสหรัฐฯอาจเข้ามาแทรกแซงการเมืองระหว่างจีนและฮ่องกง ซึ่งอาจทำให้กระแสต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกงยิ่งรุนแรงขึ้น แต่จีนจะให้ความสำคัญกับความมั่นคงของเศรษฐกิจในแผ่นดินใหญ่มากกว่า


ขณะที่ทางสหรัฐฯก็อาจต้องการที่จะหลีกเลี่ยงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากการขึ้นภาษี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเลือกตั้งที่จะเกิดในปีหน้า

· ไต้หวันกำลังจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลในวันที่ 11 ม.ค. 2020 ท่ามกลางกระแสกังวลว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลจีน

ในช่วงสัปดาห์นี้ ไต้หวันได้จับกุมเจ้าหน้าระดับสูงของบริษัทฮ่องกง 2 ราย ภายใต้ข้อหาทำร้ายความมั่นคงของประเทศ และถูกส่งไปควบคุมตัว ณ กรุงไทเป เพื่อช่วยการสืบสวนคดีตามคำอ้างของชาวจีนที่หลบหนีไปยังออสเตรเลีย โดยชาวจีนผู้นั้นอ้างว่ารัฐบาลจีนกำลังเข้าแทรกแซงการเมืองของไต้หวันและฮ่องกง


การจับกุมเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือนก่อนที่ไต้หวันจะมีการเลือกตั้ง และดูเหมือนว่านางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน จะสามารถดำรงตำแหน่งต่อเป็นวาระที่ 2 ได้ เนื่องจากจุดยืนของเธอที่ประกาศต่อต้านพรรคคอมมิวนิสของจีนในขณะที่ความวุ่นวายในฮ่องกงยังคงดำเนินต่อไป


· อัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมของญีปุ่นในเดือน ต.ค. ชะลอตัวลง -4.2% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ -2.1% ซึ่งเป็นอัตราชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ท่ามกลางผลกระทบจากปริมาณอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง

ด้านยอดค้าปลีกญี่ปุ่นร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่งในเดือนต.ค. ท่ามกลางภาษียอดขายที่สูงขึ้นจึงทำให้บรรดากลุ่มผู้บริโภคปรับลดกำลังการใช้จ่าย และทำให้ความแข็งแกร่งด้านอุปสงค์ภายในประเทศเข้าสู่แดนลบ โดยในเดือนต.ค. รัฐบาลมีการปรับเพิ่มภาษียอดขายสู่ระดับ 10% จาก 8%

· รายงานจากกระทรวงการค้าของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะจัดการเจรจาในระดับสูงขึ้นภายในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ธ.ค. เกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำหรับอุปกรณ์เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นสู่เกาหลีใต้ ซึ่งทางญี่ปุ่นได้ประกาศจำกัดการส่งออกสินค้าในกลุ่มดังกล่าวไปเมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ

· ราคาน้ำมันดิบปิดผสมผสานกัน โดย WTI รีบาวน์ได้เล็กน้อย ขณะที่ตลาดมีความกังวลที่นายทรัมป์ลงนามกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงจึงจุดประกายความตึงเครียดกับจีน โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 14 เซนต์ หรือ -0.2% ที่ 63.92 เหรียญ/บาร์เรล แต่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 13 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ 58.24 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วง Thanksgiving

จีนกล่าวเตือนสหรัฐฯว่าอาจตอบโต้ด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อตอบโต้กฎหมายสหรัฐฯที่สนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง

กลุ่มนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยหลักนการทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และกระทบต่อการอุปโภคบริโภคน้ำมัน

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนอัฟกานิสถานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงวันหยุด Thanksgiving เพื่อเข้าเยี่ยมทหารสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในประเทศ และพบกับประธานาธิบดีของอัฟกานิสถาน พร้อมระบุว่าสหรัฐฯจะกลับมาเจรจาสันติกับกลุ่มตาลีบันอีกครั้ง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com