· ค่าเงินเยนอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังการประกาศข้อมูลภาคอุตสาหกรรมจีนออกมาสดใส ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า หลังผลสำรวจพบว่าคะแนนความนิยมก่อนหน้าการเลือกตั้งเริ่มที่จะสูสีกัน
ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.2% แถว 109.72 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงขึ้น
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 0.25% แถว 1.2913 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯอังกฤษมีโอกาสชนะการเลือกตั้งวันที่ 12 ธ.ค. ด้วยคะแนนที่ฉิวเฉียด
นักวิเคราะห์จาก National Australia Bank ระบุว่า ตลาดยังคงเฝ้ารอความชัดเจนและหลีกเลี่ยงที่จะเปิดสถานะสำคัญ จนกว่าจะมีประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้า
ด้านค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ระดับ 1.1017 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 98.319 จุด
· หลังจากที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศจะกลับมาเจรจาระดับสูงกับญี่ปุ่นอีกครั้งภายในเดือน ธ.ค. นักวิเคราะห์จาก Economist Intelligence Unit มองว่า ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศได้ลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และมีสัญญาณที่ค่อนข้างดีหลังจากที่มีรายงานว่านายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พยายามที่จะมาพบกันนอกรอบระหว่างการประชุมญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ที่จะจัดขึ้น ณ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน
· ผลสำรวจกิจกรรมของภาคอุตสาหกรรมในประเทศจีนเดือน พ.ย. โดย Caixin/Markit ประกาศออกมาขยายตัวที่ระดับ 51.8 จุด มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 51.4 จุด และเทียบกับเดือนก่อนที่ขยายตัวได้ 51.7 จุด โดยนักวิเคราะห์มีมุมมองว่า การประกาศตัวเลขที่ออกมาเช่นนี้ บ่งชี้ถึง “การฟื้นตัวที่กลับมามีกำลังมากขึ้น” ของภาคอุตสาหกรรม อันมีผลมาจากอัตราการผลิตและการจ้างงานที่มั่นคง
· ผลสำรวจของ DHL ที่ร่วมตอบโดยบรรดาบริษัทที่ประกอบธุรกิจร่วมกัน พบว่ามากกว่า 1 ใน 4 ของบริษัท ไม่มีแผนสำรองสำหรับกรณีที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเลวร้ายลงเลย
ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่ร่วมตอบแบบสอบถามเป็นบริษัทจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป แบ่งเป็นภาควิศวกรรมและอุตสาหกรรมกว่า 48% และจากยานยนต์กว่า 40%
ทั้งนี้ บริษัทที่ระบุว่าไม่มีแผนสำรอง บางส่วนให้เหตุผลว่าพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ขณะที่ 43% ระบุว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นและยาวนานกับประเทศจีน จึงเลือกที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวใด และอีก 8% มองว่าการขึ้นภาษีทั้งหมดจะถูกยกเลิกไปในท้ายที่สุด
ผู้บริหารของ DHL Resilience360 ให้มุมมองเกี่ยวกับผลสำรวจนี้ว่า บริษัทส่วนใหญ่กำลังอยู่ในภาวะที่ไม่เคยประสบมาก่อน จึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา และทำความเข้าใจได้ยาก
· รายงานจากทำเนียบขาว ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทีมทนายส่วนตัวของเขา จะไม่เข้าร่วมกระบวนการไต่สวนที่จะจัดขึ้นในสภาคองเกรสสัปดาห์นี้ โดยอ้างว่าการไต่สวนครั้งนี้ขาดความยุติธรรม เพราะยังไม่เปิดเผยรายชื่อของผยานที่จะขึ้นกล่าวรายงานตนออกมา
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกเดินทางไปยังกรุงลอนดอนในวันนี้ เพื่อเข้าร่วมประชุมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงความต้องการชัดเจนว่าไม่ต้องการให้นายทรัมป์กล่าวอะไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งอังกฤษที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. นี้
โดยนายจอห์นสันมีคะแนนนำในผลสำรวจความนิยมการเลือกตั้งอังกฤษ ซึ่งเขาต้องการให้นายทรัมป์ระวังท่าที และพยายามให้หลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นตามใจตนเองเหมือนทุกครั้ง
· บทความจาก Axios ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนหยุดชะงักเพราะการลงนามในร่างกฏหมายสนับสนุนการชุมนุมในฮ่องกง โดยจีนชะลอการเจรจาออกไปเพื่อปล่อยให้กระแสการเมืองในประเทศจีนและฮ่องกงเริ่มสงบลง ก่อนที่จะกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง
· ราคาน้ำมันดิบตัวสูงขึ้นกว่า 1% เนื่องจากตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในน้ำมันที่มากขึ้น และกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกอาจประกาศลดกำลังการผลิตในการประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปทานอาจลดลงในปีหน้า
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.1% ที่ระดับ 61.15 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 75 เซนต์ หรือ 1.4% ที่ระดับ 55.92 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่า 1 เหรียญ ในช่วงก่อนหน้า