MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศจะกลับมาเก็บภาษีสินค้านำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา เพื่อเป็นการตอบโต้กับการที่ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าและสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐฯ จึงส้รางความตึงเครียดเกี่ยวกับสงครามทางการค้าโลก ขณะที่ข้อมูลการผลิตสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอที่ยังเป็นตัวตอกย้ำการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งยังกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

อย่างไรก็ดี ดัชนีเอเชียบางส่วนฟื้นตัวขึ้นจากการซื้อขายช่วงบ่ายจากระดับต่ำสุดในรอบวัน

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.43%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นการค้าโลก หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะกลับมาเก็บภาษีสินค้านำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่อ่อนแอกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.64% ที่ระดับ 23,379.81 จุด ซึ่งปรับลดลงมากถึง 1.46% มาอยู่ที่ 23,186.84 จุด แต่สามารถปิดอยู่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยราย 25 วัน ที่ระดับ 23,249 จุด ซึ่งเป็นระดับทางเทคนิคที่สำคัญ

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นผู้บริโภคและหุ้นกลุ่มการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเหล่านักลงทุนหันเข้าหาหุ้นราคาถูกมากขึ้น หลังข้อมูลภาคอุตสาหกรรมออกมาสดใส

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 2,884.70

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินไหลเข้าที่แข็งแกร่งผ่านตลาดหุ้นที่เชื่อมโยงฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีมูลค่ารวม 4.6 พันล้านหยวนต่อวัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเข้าหาตลาดจีนมากขึ้น

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าจะถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางประเด็นสงครามการค้าโลกก็ตาม โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.4% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวทรงตัว ขณะที่หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์และเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่มีผลประกอบการดีที่สุด

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า สรท.ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 62 มาเหลือหดตัว -3% ถึง -2.5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวราว -1.5%บนสมมติฐานค่าเงินบาทที่ 33 (บวก/ลบ 0.5) บาท/ดอลลาร์ หลังจากในเดือน ต.ค.62 มูลค่าส่งออกหดตัว -4.5% และช่วง 10 เดือนแรกหดตัว -2.5%

พร้อมกันนั้น สรท.คาดว่าในปี 63 การส่งออกจะเติบโต 0-1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 30.5 บาท/ดอลลาร์

- นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 63 คาดจะขยายตัวได้ 2.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการส่งออกที่กลับมาเป็นบวกได้ราว 1.5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบ -2.5% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจนอกประเทศน่าจะดีกว่าในประเทศ โดยเฉพาะจากการที่ประเทศขนาดใหญ่น่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย

- นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เตือนปัจจัยต้องระวังในช่วง 2-3 ปีนี้คือสงครามค่าเงินอาจทวีความรุนแรงขึ้นจากสภาพคล่องล้นระบบเป็นผลที่หลายประเทศใช้มาตรการผ่อนคลายหวังผลักดันเศรษฐกิจฟื้นจากสภาพชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกดดันให้เงินบาทแข็งค่าหนักขึ้นและกระทบต่อส่งออกไทยมากขึ้นในระยะถัดไป ขณะที่ตลาดหุ้นไทย Valuation สูง-อัพไซด์จำกัด แนะเพิ่มความระมัดระวังเลือกหุ้นเข้าพอร์ต