รายงานจาก CBS News เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้มีการทวิตเตอร์ข้อความว่าสหรัฐฯจะเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากบราซิล และอาร์เจนตินา ดูจะเป็นการเปิดสงครามครั้งใหม่ต่อภาวะ Trade War โลก และ 5 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนหวของผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้
1. อาจเป็นการมุ่งเป้าไปยังสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่แท้จริง
นายทรัมป์มีการทวิตเตอร์การตัดสินใจล่าสุดต่อ 2 ประเทศในแถบอเมริกาใต้ โดยอ้างถึงการปรับลดค่าเงินที่ทำร้ายเกษตรกรสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีสินค้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียมเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนมี.ค. ปี 2018 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนนโยบายเมื่อทีมบริหารทรัมป์เข้ามา โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบของข้อตกลงการค้าฉบับปี 1962 โดยมีการรื้อการเจรจาข้อตกลงการค้ากับชาติพันธมิตรและคู่ค้าประเทศต่างๆ โดยในช่วงปลายปี 2018 ก็ประสบปัญหากับจีนและมีความตึงเครียดตลอดจนเข้าสู่ปีนี้
ขณะที่ทั้งประเทศบราซิลและอาร์เจนตินาได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยนับตั้งแต่สหรัฐฯตัดสินใจเพิ่มมาตรการภาษีแก่จีนก็ดูเหมือนจีนจะเปลี่ยนผ่านการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมาเป็นบราซิลและอาร์เจนตินาแทน รวมทั้งประเทศอื่นๆ จึงช่วยเติมเต็มช่องว่างสำหรับมูลค่านับพันล้านๆเหรียญได้
ผลที่ตามมา เกษตรกรสหรัฐฯได้รับผลกระทบทั้งในกลุ่มถั่วเหลือ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางด้านเนื้อหมู ซึ่งนับตั้งแต่มี Trade War ภายใต้การนำของนายทรัมป์ ก็ดูจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลกระทบเป็นมูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญ
และการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่คุกคามการขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมของบราซิลและอาร์เจนตินาก็ดูเหมือนจะสร้างแรงกดดันสำหรับสองประเทศข้างต้นในการตัดสินใจเรื่องการขายสินค้าเกษตรให้แก่จีน
ข้อมูลจาก Bloomberg สะท้อนว่า บราซิลมีการขนส่งสินค้าเกษตรมูลค่ารวม 2.55 หมื่นล้านเหรียญให้แก่จีน อันประกอบไปด้วยถั่วเหลืองและเนื้อหมูกว่า 10 เท่าของมูลค่าสินค้าประเภทเหล็กที่บราซิลขายให้แก่สหรัฐฯ และนายทรัมป์ก็ต้องการให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากกว่า เพราะการแข็งค่าของดอลลาร์ดูจะเป็นปัญหาทางด้านการแข่งขันกับต่างประเทศ และกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ
2. ผู้เชี่ยวชาญชี้การเพิ่มภาษีอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ผู้เชี่ยวชาญบางรายกล่าวว่า นักกฎหมายอาจไม่ยอมทำการขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่ให้มีผลบังคับใช้ เนื่องจากกรอบเวลาดังกล่าวมีวันหมดอายุ โดยครั้งแรกที่นายทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มโลหะเมื่อเดือนมิ.ค.ปีที่แล้วก็อยู่ภายใต้กฎหมายปี 1962 หรือที่รู้จักกันในนามมาตรา 232 ที่อนุญาตให้สหรัฐฯทำการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าได้หากหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯถูกคุกคาม และบราซิลกับอาร์เจนตินาก็มีการส่งออกภายใต้ระบบโควต้า
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและเป็นอดีตเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ข้อความแสดงความคิดเป็นถึงโวต้าที่บราซิลและอาร์เจนตินาได้รับนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และกฎหมายจะให้สิทธิแก่นายทรัมป์เพื่อดำเนินการภายใต้กรอบระยะเวลาเท่านั้น หรือเพียง 90 วัน จากวันที่ 8 มี.ค. ปี 2018 ที่เราเห็นได้จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และสามารถใช้ได้ภายใต้กฎหมายความมั่นคง
3. บริษัทด้านกลุ่มโลหะของสหรัฐฯอาจได้รับประโยชน์จากราคาที่เพิ่มสูงขึ้น
หุ้นของบริษัทเหล็กกล้าของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ทวิตเตอร์ข้อความดังกล่าว โดยหุ้นบริษัท AK Steel Holding ปรับขึ้น 6.9% ทางด้าน U.S. Steel ปรับขึ้นประมาณ 3.8% และ Steel Dynamics ปรับขึ้น 1.4% และการปรับตัวขึ้นของราคากลุ่มโลหะวัตถุดิบนั้น สะท้อนว่าในกลุ่มผู้ผลิตอาจต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน
4. ภาคการผลิตสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
สถาบันจัดการด้านอุปทานหรือ ISM เผย ภาคการผลิตสหรัฐฯปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อันได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้า และการอ่อนตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ยอดผลผลิต และการจ้างงานโดยองค์รวมทั้งหมดปรับตัวลดลง ขณะที่ยอดส่งออกก็ปรับลงในเดือนพ.ย.เช่นกัน หลังจากที่ปรับขึ้นไปในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ภาคธุรกิจมีการชะลอการลงทุนออกไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าเมื่อไหร่และอย่างไรที่นายทรัมป์จะยุติข้อขัดแย้งทางการค้าได้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economics คาดว่า นโยบายความไม่แน่นอนทางการค้าดูจะเดินหน้าสร้างแรงกดดันให้แก่กิจกรรมภาคการผลิตอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีใหม่
5. แรงกดดันกำลังเพิ่มขึ้นต่อข้อตกลงการค้าต่างๆ
ทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังเดินหน้าเจรจากับจีนเพื่อหาข้อตกลงขั้นต้นในการบรรเทาภาวะ Trade War แต่ทั้งสองประเทศดูเหมือนจะยังไม่สามารถตกลงกันได้ท่ามกลางความซับซ้อนทางการเจรจาหลังจากที่เดือนต.ค. ประกาศว่าข้อตกลงเฟสแรกเป็นไปด้วยดี
ขณะที่ 15 ธ.ค.นี้ เป็นวันที่จีนจะโดนสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเกือบ 1.60 แสนล้านเหรียญ ที่มีผลบังคับใช้ และผลที่ตามมาจะเข้ากระทบต่อกลุ่มสินค้าผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว Fox News โดยระบุว่า นายทรัมป์ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเดินหน้าขึ้นภาษีหากข้อตกลงยังไม่บรรลุผล
ทางด้านทำเนียบขาวกำลังรอคอยให้สภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมาย USMCA ที่เป็นฉบับใหม่สำหรับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ อันรวมไปด้วยสหรัฐฯ, เม็กซิโกและแคนาดา โดยในขั้นสุดท้าย USMCA อาจถูกประกาศในสัปดาห์นี้ และอาจลงนามได้ภายในเดือนธ.ค.นี้ ตามรายงานของ Washington Post
ที่มา: CBS News