• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2562

    4 ธันวาคม 2562 | SET News
 

· กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอย 15 ธ.ค.นี้ ที่ดูจะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้น โดยกระแสคาดการณ์หลักมองว่าจะเห็นสหรัฐฯและจีนอาจบรรลุข้อตกลงเฟสแรกได้ และหากเป็นเช่นนั้นเราจะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้น และทำให้เราเห็นความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น และการปรับขึ้นในช่วงปลายปีนี้

แต่ล่าสุดการที่นายทรัมป์ เผยถึงการจะเลื่อนข้อตกลงออกไปดูจะเพิ่มความผันผวนให้แก่การเจรจาการค้า ในขณะที่ยังไม่มีสัญญาณความคืบหน้าครั้งใหม่ใดๆ จึงทำให้เราเห็นหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงมาอีกครั้ง ซึ่งวันที่ 15 ธ.ค.นี้ถือเป็นกำหนดวันที่สหรัฐฯจะเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีน 1.56 แสนล้านเหรียญที่จะมีผลบังคับใช้ ท่ามกลางนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่มีมุมมองว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวอาจส่งผลเสียมากกว่า และดูจะเข้ากระทบโดยตรงต่อสินค้าของกลุ่มผู้บริโภค


นักวิเคราะห์บางรายมองว่าข้อตกลงเฟสแรกอาจเกิดขึ้นได้ และใน 2-3 วันต่อมา Mindset ของนักลงทุนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นปัจจัยหนุนตลาด และอาจทำให้เราเห็นราคาทดสอบระดับสำคัญทางจิตวิทยาได้ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ และภาพรวมก็ยังดูเป็นปีที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯเผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง 3 วันทำการ หลังทราบถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งนายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนที่บั่นทอนความหวังจะเห็นข้อตกลงที่อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นระยะสั้นๆนี้

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 280.23 จุด หรือ -1.01% ที่ 27,502.81 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -0.66% ที่ 3,093.2 จุด และ Nasdaq ปิด -0.55% ที่ 8,520.64 จุด

หุ้นกลุ่ม Blue-Chip ของดาวโจนส์ออกมาย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ 8 ต.ค. ขณะที่ตลาดรับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของนายทรัมป์ เกี่ยวกับการที่ข้อตกลงอาจเลื่อนไปหลังเลือกตั้งปีหน้า ขณะที่นายรอส ยืนยันว่าการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนรอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ 15 ธ.ค.ตามกำหนด เว้นแต่การเจรจาจะคืบหน้ามากกว่านี้

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ฝรั่งเศสขู่จะทำการตอบโต้ภาษีสหรัฐฯครั้งใหม่ หากสหรัฐฯเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส 100%

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเผยถึงการจะเลื่อนข้อตกลงออกไปปีหน้า โดยดัชนี S&P/ASX200 เปิดร่วงกว่า 1.5% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.03% และ Topix เปิด -0.64% และหุ้น Kospi เปิด -0.84%

ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.39%

รายงานจากสำนักข่าว Fox News เผยว่า ทางทำเนียบขาวยังคงแผนการขึ้นภาษีสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค. โดยปราศจากข้อตกลงการค้าเฟสแรก

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.20-30.35 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังรอดูเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน

- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังไทย เผยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ที่ได้สิทธิในมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ตกผลึก โดยกระทรวงคลังเห็นว่ามาตรการ"ชิม ช้อป ใช้"เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยรวมในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ และกำลังศึกษาว่าจะสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้หรือไม่ และมาตรการเดิมที่มีอยู่มีข้อจำกัดหรือต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไร

- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย เผยที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเปลี่ยนแปลงรูปแบบกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะครบกำหนดภายในปี 62 เป็นกองทุนใหม่ภายใต้ชื่อ "กองทุนเพื่อการออมระยะยาว" หรือ Super Savings Fund (SSF) โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้นเป็น 30% (จากเดิม 15%) แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท แต่เมื่อรวมกับวงเงินลดหย่อนจากกองทุนอื่นแล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ภาษี และกำหนดระยะเวลาการถือครอง 10 ปี จากเดิม 7 ปี แต่เมื่อรวมกับวงเงินลดหย่อนจากกองทุนอื่น ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเงินจ่ายเบี้ยประกันชีวิตสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาทในแต่ละปีภาษี นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) โดยให้สามารถหัก ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 15% และยกเลิกการกำหนดขั้นต่ำของการซื้อกองทุน RMF จากเดิม ต้องซื้อไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่มีราย ได้ปานกลางถึงน้อยสามารถซื้อกองทุน RMF ได้ โดยยังคงกำหนดให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเช่น เดิม

- น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เผย สรท.ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 62 มาเหลือหดตัว -3% ถึง -2.5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวราว -1.5% บนสมมติฐานค่าเงินบาทที่ 33 (บวก/ลบ 0.5) บาท/ดอลลาร์ หลังจากในเดือน ต.ค.62 มูลค่าส่งออกหดตัว -4.5% และช่วง 10เดือนแรกหดตัว -2.5%

- ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมไทย ธ.ก.ส.คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือน ธ.ค.62 ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ขณะที่น้ำตาลทรายดิบมีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง

- นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 63 จะขยายตัวได้ 2.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการส่งออกที่กลับมาเป็นบวกได้ราว 1.5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบ -2.5% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจนอกประเทศน่าจะดีกว่าในประเทศ โดยเฉพาะจากการที่ประเทศขนาดใหญ่น่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com