• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2562

    9 ธันวาคม 2562 | SET News
  
 

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯที่สูงกว่าที่คาดการณ์อย่างมาก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 337.27 จุด หรือ +1.2% ที่ระดับ 28,015.06 จุด ซึ่งถือเป็นระดับปิดที่ดีที่สุดตั้งแต่ 4ต.ค. หรือปรับตัวขึ้นจากช่วงนั้นได้ 1.4% ทางด้าน S&P500 ปิด +0.9% ที่ 3,145.91 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดรายวันที่พุ่งขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ 15 ต.ค. และ Nasdaq ปิด +1% ที่ 8,656.53 จุด

อย่างไรก็ดี ภาพรวมดัชนีสหรัฐฯก็ยังคงปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อ 27 พ.ย. โดยดัชนี S&P500 อยู่ต่ำจากระดับ All-Time High ประมาณ 0.3% ทางด้านดาวโจนส์และ Nasdaq อยู่ห่างจากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ต่างก็ทำไว้ประมาณ 0.6%

· รายงานจาก CNBC เผยว่า ปีนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯถือเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี แต่สภาวะดังกล่าวก็อาจเปลี่ยนแปลงไปในปี 2020

โดยผู้เชี่ยวชาญในตลาดส่วนใหญ่มองว่าหุ้นต่างชาติอาจกลับมาสดใสกว่าหุ้นสหรัฐฯในปีหน้า ท่ามกลางความน่าสนใจจากมูลค่าและความเป็นไปได้จากสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ในจังหวะที่บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกดูจะเดินหน้าเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงอาจทำให้เกิดอัตราเร่งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกมากขึ้น, ดอลลาร์อ่อนค่า และมูลค่าที่เกิดขึ้นดูจะเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนให้หันเข้ามาถือครองดัชนีหุ้นที่ไม่ใช่สหรัฐฯในปีหน้า

ขณะที่ Gap ของมูลค่าดูจะกว้างขึ้นระหว่างดัชนีสหรัฐฯและดัชนีต่างประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเมือเทียบกับของสหรัฐฯที่ดูจะยังขยายตัวได้ โดยจะเห็นได้จากจีดีพีสหรัฐฯที่เติบโตได้ 2.1% ในไตรมาสที่ 3 และการที่สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นอย่างเช่นนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตที่ไม่สดใส และข้อขัดแย้งทางการค้า

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ดัชนีหุ้นนานาชาติอย่างสถาบัน BCA’s มองว่า สภาวะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทั้งสองประเทศดูจะมีความตั้งใจในการพยายามบรรลุข้อตกลงบางส่วนร่วมกัน และนี่จะเป็นสัญญาณแห่งการสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และจะทำให้เกิดสัดส่วนที่ไม่เท่ากันที่เอื้อต่อดัชนีต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ แต่ภาพรวมหุ้นทั่วโลกก็ดูพร้อมจะรับกับสิ่งที่จะตามมาเพราะเมื่อความตึงเครียดทางการค้าลดทอนไปก็จะส่งผลให้หุ้นต่างประเทศดูจะสดใสกว่าหุ้นสหรัฐฯเมือเศรษฐกิจโลกเติบโตได้

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวก แม้ข้อมูลการส่งออกของจีนจะประกาศออกมาลดลงในเดือน พ.ย. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ก็ตาม โดยดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นเปิด +0.33% ส่วนดัชนี Topix เปิด +0.36% ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.13% และดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเปิด +0.2%

ในภาพรวมตลาดหุ้นเอเชีย ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.08%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารการเงิน คาดว่า เงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวระหว่าง 30.30-30.40 บาท/ดอลลาร์ โดยน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอปัจจัยเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงการประชุมเฟดว่าจะมีมติอย่างไรในเรื่องนโยบายดอกเบี้ย

- นายกรัฐมนตรีไทย ยืนยันว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะยุบสภาและปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะขณะนี้รัฐมนตรีทุกคนทำงานเข้าขากันได้มากขึ้น แม้นโยบายของแต่ละพรรคจะแตกต่างกัน

- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือนพ.ย.62 อยู่ที่ระดับ 69.1 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และต่ำสุดในรอบ 67 เดือน หลังประชาชนยังมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ แม้รัฐบาลจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเพิ่มเติม โดยประชาชนมีความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า กำลังซื้อจึงไม่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาสงครามการค้า, Brexit และเงินบาทที่ยังแข็งค่า ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย

- ม.หอการค้าไทย ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 มีโอกาสเติบโตในช่วง 2.7-3.1% ซึ่งถือว่าฟื้นตัวอย่างอ่อนๆ จากปีนี้ที่คาดว่า GDP จะโตได้ 2.6% ขณะที่คาดว่าการส่งออกในปีหน้าจะกลับมาขยายตัว 1.8% จากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัว -2.4% โดยเชื่อว่าปัจจัยที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้มาจาก

1.เม็ดเงินงบประมาณรายจ่ายปี 63 ที่เริ่มลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

2.ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มดีขึ้

3.เงินบาทไม่แข็งค่ามากเท่าปีนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com