MTS Help Center

· ราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 1% โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด จุดประกายกระแสคาดการณ์ครั้งใหม่เกี่ยวกับการที่เฟดจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยออกไป ขณะที่ข้อมูลดังกล่าวก็เป็นปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ราคาพลาเดียมยังคงทำสูงสุดประวัติการณ์ใหม่ ท่ามกลาง Non-Farm Payrolls ที่มียอดจ้างงานเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 เดือนในเดือนพ.ย. จึงยิ่งตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเผชิญกับภาวะภาคการผลิตที่ชะลอตัว

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด –1% ที่ระดับ 1,461.01 เหรียญ ในขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิดปรับลง -1.1% ที่ระดับ 1,465.1 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR เทขายทองคำออกในคืนวันศุกร์อีก 2.34 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 886.23 ตัน

· กรรมการผู้จัดการจาก High Ridge Futures กล่าวว่า ข้อมูลจ้างงานภาครัฐบาลสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่ออุปสงค์สินค้าในกลุ่ม Safe-Haven อย่างทองคำ โดยจะเห็นได้จากการตอบรับของดอลลาร์ในทิศทางแข็งค่ามากขึ้น ขณะที่ดัชนีสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก ที่มาในช่วงที่ตลาดตอบรับกับถ้อยแถลงของนายทรัมป์ในช่วงก่อนหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีนเป็นไปในทิศทางที่ดี

· สัญญาณ Trade War ล่าสุดยังเป็นไปในเชิงบวกมากขึ้นเมื่อจีนจะทำการละเว้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯบางส่วนในหมวดของถั่วเหลืองและเนื้อสัตว์ ขณะที่ตลาดมุ่งไปยังการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ระหว่าง 10-11 ธ.ค. ที่ว่าน่าจะยังคงดอกเบี้ยในกรอบ 1.5-1.75%

· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า รายงานจ้างงานล่าสุดดูจะทำให้เฟดมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย และนั่นดูจะไม่ส่งผลดีนักต่อตลาดทองคำเวลานี้

· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters วิเคราะห์ว่า ในทางเทคนิค หากราคาทองคำปิดต่ำกว่าระดับ 1,465-1,460 เหรียญลงมา มีโอกาสเห็นทองคำกลับลงทดสอบต่ำสุดเดิมในเดือนพ.ย. บริเวณ 1,445-1,447 เหรียญ และจะมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,420 เหรียญ และ 1,400 เหรียญตามลำดับ

· ราคาพลาเดียมพุ่งแตะ 1,880.37 เหรียญได้เป็นครั้งแรก ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสไปแตะ 1,900 เหรียญได้ ในขณะที่ราคาซิลเวอร์คืนวันศุกร์ปิด -2% ที่ 16.60 เหรียญ หลังไปทำต่ำสุดนับตั้งแต่ 7 ส.ค. บริเวณ 16.51 เหรียญ ในขณะที่แพลทินัมปิด -0.4% ที่ 893.25 เหรียญ