• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2562

    12 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ประชุมเฟด: คงดอกเบี้ยและยังไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงนโยบายปีหน้า



ผลการประชุมเฟดเมื่อวานนี้มีมติคงดอกเบี้ยในกรอบ 1.5 – 1.75% ในการประชุมช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มจะดำเนินการใดๆในปีหน้าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำ หลังจากที่ภาพรวมปีนี้เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว 3 ครั้ง

ขณะที่นโยบายการเงินในปัจจุบันมีความเหมาะสมสำหรับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด

สำหรับ Dot Plot ชี้ว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเห็นเฟดขึ้นหรือลดดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งสมาชิกเฟด 13 จาก 17 รายคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยไปอย่างน้อยจนถึงปี 2021 และเฟดมีคาดการณ์ค่ากลางของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 1.6% ในปีนี้และปีหน้า โดยปรับลงจาก 1.9% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย. ขณะที่ปี 2022 คาดดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2.1% โดยลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.4% สำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะยาวคงเดิมที่ 2.5%

มุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดจะขยายตัวได้ 2.2% ในปีนี้ และคงคาดการณ์ปีหน้าที่ 2.0% ส่วนปี 2021 จะเติบโตได้ที่ 1.9% ขณะที่ปี 2022 คงคาดการณ์ที่ 1.8% และในส่วนของเงินเฟ้อเฟดคาดเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ 1.6% ปรับลดลงมาจากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% และคงคาดการณ์ปีหน้าที่ 1.9% และปี 2021 ที่ระดับ 2.0%

อย่างไรก็ดี สำหรับมุมมองของอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 3.5% และอาจเพิ่มขึ้นแตะ 3.6% ในปี 2021

· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดกล่าวให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการเห็นเงินเฟ้อปรับขึ้น โดยเขาพึงพอใจที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น แต่หากการปรับขึ้นเหนือกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนดก็จะพิจารณาถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเฟดมีความยืดหยุ่นต่อการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยเมื่อคืนนี้ และการที่ประธานเฟดส่งสัญญาณถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่อาจนำมาพิจารณาต่อการขึ้นดอกเบี้ยได้หากจำเป็น

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.33% ที่ระดับ 97.095 จุด ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ 9 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า หากเราเห็นการเลื่อนภาษีออกไปในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดถึงการที่ค่าเงินอื่นๆจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.4% ก่อนการประชุมของอีซีบีร่วมด้วยประธานอีซีบีคนใหม่ นางคริสติน ลาการ์ด ซึ่งกลุ่มนักลงทุนดูจะให้ความสำคัญกับทุกๆถ้อยคำของเธอในวันนี้

· อังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นภายในคืนนี้ ซึ่งตลาดและโพลสำรวจส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ว่าชัยชนะของการเลือกตั้งครั้งนี้จะตกเป็นของพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

โดยโพลสำรวจจาก YouGov คาดว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะเป็นฝ่ายครองเสียงมาก แต่ด้วยจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นเพียง 28 ที่นั่ง น้อยลงจากโพลสำรวจเดิม ซึ่งอาจเป็นความยากลำบากให้กับนายบอริสในการผลักดัน Brexit

ด้านโพลสำรวจของ Savanta ComRes ที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ The Telegraph พบว่าพรรคแรงงานหรือฝ่ายค้านมีคะแนนความนิยมอยู่ที่ 36% ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำอยู่ที่ 41% ทิ้งห่างกันเพียง 5% เท่านั้น

หลังจากที่มีการอัพเดทโพลสำรวจล่าสุด ค่าเงินปอนด์ได้อ่อนค่าลงทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตลาดได้คาดการณ์ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะชนะอย่างขาดลอย แต่เนื่องจากการที่พรรคแรงงานมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาเช่นนี้ แม้พรรคอนุรักษ์นิยมจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะไม่สามารถดำเนินนโยบาย Brexit ได้อย่างราบรื่น และอาจส่งผลให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังมีอยู่ต่อไป

สำหรับช่วงเวลาที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลการเลือกตั้งออกมา น่าจะเป็นช่วง 05.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจะเป็นช่วงที่ Exit Poll เริ่มประกาศออกมา โดยสัญญาณใดๆที่บ่งชี้ถึงชัยชนะของพรรคอณุรักษนิยมน่าจะทำให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น ขณะที่สัญญาณอื่นๆนอกเหนือจากนี้ น่าจะทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง และค่าเงินน่าจะมีความผันผวนสูงจนกว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจะได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. วันศุกร์ ตามเวลาประเทศไทย

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงประมาณ 1% ท่ามกลางข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ออกมาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะเดียวกันกลุ่มนักลงทุนก็เฝ้าจับตาการขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯในวันอาทิตย์นี้ โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 62 เซนต์ หรือ -1% ที่ระดับ 63.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปิดปรับลง 48 เซนต์ หรือ -0.8% ที่ระดับ 58.76 เหรียญ/บาร์เรล

รายงานจาก EIA ชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาด ขณะที่แก๊สโซลีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยสต็อกน้ำมันดิบปรับขึ้น 822,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว และปีนี้ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปี



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com