· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นได้หลังจากที่ข้อมูล CPI ของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเกินคาด ขณะที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยและส่งสัญญาณจะไม่เปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายใดๆในปีหน้า โดยเฟดยังคงมองเศรษฐกิจขยายตัวได้ปานกลางและอัตราว่างงานที่ดูจะยังอยู่ในระดับต่ำตลอดจนปีหน้าในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 29.37 จุด หรือ +0.11% ที่ 27,911.09 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +0.29% ที่ 3,141.62 จุด และ Nasdaq ปิด +0.44% ที่ 8,654.05 จุด
อย่างไรก็ดี หลังจากที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยตามคาดในเวลานี้ ก็ดูเหมือนนักลงทุนจะพุ่งไปให้ความสนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนแทน โดยเฉพาะวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ที่นายทรัมป์เคยกล่าวว่ายังคงมีผลบังคับใช้ แต่ก็มีข่าวต่างๆที่ดูเหมือนจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องดังกล่าวเวลานี้
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดด้วยท่าทีระมัดระวัง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของเฟดและมีการเฝ้าดูความคืบหน้าของกำหนดเส้นตายที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีสินค้าจีนในวันอาทิตย์นี้ โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับขึ้น 0.22% โดยหุ้นกลุ่มยูทิลิตี้ส์และทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้น
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปี 2020 โดยดัชนีนิกเกอิและ Topix เปิดขึ้นมาทรงตัวเล็กน้อย ขณะที่ Kospi เปิด +0.87% ทางด้าน S&P/ASX200 เปิด +0.5% และภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.19%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 30.25-30.35 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าได้ หลังจากมีรายงานข่าว S&P อัพเกรดแนวโน้มเครดิตประเทศไทยจาก Stable เป็น Positive ซึ่งตอนนี้ครบ 3 สถาบันแล้วทั้ง Fitch Rating, Moodys
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ตลาดยังรอคือ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) การ เลือกตั้งของหสราชอาณาจักร และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
- ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน จำนวน 191,200,000 บาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
- นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งทำงานมาเพียง 3-4เดือนเท่านั้น และยังไม่ได้เกิดปัญหาในการทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินอีกครั้งหลังพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีผลบังคับใช้
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal)ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของการออกสินทรัพย์ดิจิทัล และมีแนวทางตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ลงทุน
- กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ภาพรวมการให้สินเชื่อของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 5% เนื่องจากปัจจุบันสินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัวได้เพียง 3% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตมาจากสินเชื่อภาครัฐ และสินเชื่อรายย่อย ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีมองว่าไม่เติบโต หรือเติบโตเพียงเล็กน้อยราว 1% ส่วนแผนงานในปี 2563 ธนาคารยังต้องปรับแผนงานอยู่ทุกเดือน เพราะความไม่แน่นอนยังมีสูง ทำให้ต้องวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเข้าใจปัญหาของลูกค้า เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำได้ถูกต้อง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าสินเชี่อรวมของธนาคารอาจจะเติบโตไม่ถึง 3% แต่ยังคงต้องรอการพิจารณาแผนงานในปีหน้าให้เรียบร้อยก่อนในช่วงเดือนธ.ค.นี้