


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบเดือน หลังจากที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม พร้อมส่งสัญญาณบ่งชี้ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายในปีหน้าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี นักลงทุนจับตาไปยังการเลือกตั้งอังกฤษในวันนี้ และกำหนดการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เหล่านักลงทุนระมัดระวังการลงทุน
โดยผลการประชุมเฟดเมื่อวานนี้มีมติคงดอกเบี้ยในกรอบ 1.5 – 1.75% ในการประชุมช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มจะดำเนินการใดๆในปีหน้าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำ หลังจากที่ภาพรวมปีนี้เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว 3 ครั้ง
ส่งผลให้ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.98% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นส่วนใหญ่ค่อนข้างทรงตัว ก่อนหน้ากำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนจากสหรัฐฯ ในวันทีี 15 ธ.ค.นี้ ขณะที่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวสูงขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.14% ที่ะรดับ 23,424.81 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.12% ที่ะรดับ 1,712.83 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุนก่อนกำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของจีนจากสหรัฐฯในช่วงวันที่ 15 ธ.ค.นี้
โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.3% ที่ะรดับ 2,915.70 จุด
ขณะที่ตลาดหุ้น A Share เคลื่อนไหวเบาบาง หลังจากที่เฟดมีมติคงดอกเบี้ยในกรอบ 1.5 – 1.75% ในการประชุมช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มจะดำเนินการใดๆในปีหน้าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำ หลังจากที่ภาพรวมปีนี้เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว 3 ครั้ง

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มจะดำเนินการใดๆในปีหน้าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำ โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่หุ้นภาคเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.5% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์


- ต่างชาติเชื่อมั่นเงินบาทจะอ่อนค่าลงปีหน้า โดยหลายสถาบันมองค่าเงินบาทไทยปีหน้าไม่หลุด 30 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่นักวิเคราะห์ไทยอาจยังมองแนวโน้มค่าเงินบาทในทิศทางแข็งค่า ในภาพรวม จะเห็นว่าการคาดการณ์ค่าเงินบาทของนักวิเคราะห์สำหรับปลายปี 2563 สามารถเคลื่อนไหวได้ในสองทิศทางตั้งแต่ช่วง 28.7 - 33.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
อ้างอิงจาก Positioning
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ไทยปี 2562 น่าจะอยู่ที่ 2.8% และคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีปี 2563 ที่ 3.3% สูงขึ้นจากปีนี้
ที่น่าสนใจอยู่ในช่วงไตรมาส 4/62 สศค.ระบุว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวก คาดว่าจะทำให้ไตรมาสนี้เศรษฐกิจเติบโต 3.2% สูงกว่าทั้งปี โดยจับสัญญาณได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ช่วงเดือนตุลาคม 2562 เติบโต 6% (YoY) สะท้อนภาพการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวซึ่งค่อยๆ ฟื้นตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 แต่เห็นชัดที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งภาคท่องเที่ยวเติบโต 12% (YoY)