· ค่าเงินฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากที่อ่อนค่าลงหลังการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ส่งสัญญาณจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2020 ทำให้นักลงทุนพากันลดการถือครองค่าเงินดอลลาร์
ทั้งนี้ ตลาดยังอยู่ในภาวะระมัดระวังก่อนทราบผลการประชุมอีซีบีคืนนี้ ผลการเลือกตั้งอังกฤษในช่วงเช้าวันศุกร์ และการขึ้นภาษีของสหรัฐฯที่มีกำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.
ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวแถวระดับ 1.1143 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งยังเป็นระดับที่อ่อนค่าลงมาเมื่อคืน ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยก่อนทราบผลการเลือกตั้ง
ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 97.038 จุด และค่าเงินเยนทรงตัวแถว 108.55 เยน/ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ FX จาก Nomura มีมุมมองว่า เนื่องจากเฟดได้ส่งสัญญาณยืนยันถึงการที่จะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปีหน้า ดังนั้นค่าเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอยู่แถวบริเวณนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงที่จะเรียกประชุมระดับสูงร่วมกับที่ปรึกษาด้านการค้าและเศรษฐกิจสหรัฐฯในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 15% มูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญ ที่กำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
โดยรายงานระบุว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องในการหารือครั้งนี้ คือ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ,นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ,นายแลร์รี่ คุดโลว์และนายปีเตอร์ นาวาร์โรหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว
· Jamie Dimon จาก JPMorgan Chase & Co คาดว่าจะเห็นข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯและจีน แต่การเพิ่มขึ้นภาษีระหว่างกันก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอง
ทั้งนี้ สหรัฐฯถูกคาดว่าจะทำการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น และกลุ่มสมาร์ทโฟนในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งนี่ถือเป็นปัจจัยลบที่จะเข้ากดดันจีดีพีของสหรัฐฯ รวมทั้งภาคบริษัทรายใหญ่ต่างๆในสหรัฐฯด้วย ดังนั้น สหรัฐฯไม่ควรขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพราะจะเป็นผลบต่อตลาดการเงิน และอาจเป็นผลลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯเองด้วย ขณะที่หลายฝ่ายคาดหวังให้เกิดข้อตกลงการค้าเฟสแรก ดังนั้น ก็ไม่ควรขึ้นภาษี
· สถานการณ์ Trade War ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า ทางจีนและสหรัฐฯยังคงมีการเจรจาการค้ากันอย่างใกล้ชิด แต่จีนเองก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำการตอบโต้หากสหรัฐฯตัดสินใจขึ้นภาษีสินค้าจีนจริงในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยมูลค่าภาษีกว่า 1.6 แสนล้านเหรียญจะมีผลในวันอาทิตย์นี้
ขณะที่แหล่งข่าวจาก Reuters เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะพบกับทีมบริหารและที่ปรึกษาระดับสูงในวันนี้เพื่อหารือถึงการดำเนินการดังกล่าว
· CEO แห่งสถาบัน Euro Pacific Capital มีมุมมองว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งปี 2020 ได้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยไม่เกี่ยวว่าคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตจะเป็นใคร เนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่หลายๆฝ่ายต่างมองว่านายทรัมป์จะชนะ เป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯสดใส แต่ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ได้สดใสเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยจริง เฟดก็จะทำการปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ซึ่งตรงกันข้ามกับคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปถึงปีหน้า
· ตลาดจับตาประชุมอีซีบีคืนนี้ โดยจะเป็นการประชุมครั้งแรกของ นางคริสติน ลาการ์ด ในบทบาทของประธานอีซีบีคนใหม่ที่จะต้องมีการกล่าวแถลงการณ์หลัจประชุมคืนนี้ด้วย ซึ่งทุกสายตาต่างให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของเธอในคืนนี้ ว่าจะมีการกล่าวย้ำต่อทิศทางการตัดสินใจนโยบายการเงินในอนาคตเช่นไร
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การแถลงหลังประชุมอีซีบีคืนนี้ตลาดคิดว่า นโยบายของอีซีบีน่าจะยังไม่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปจากของนายมาริโอ ดรากี้ อดีตประธานอีซีบีคนก่อนหน้า แต่แนวทางการตัดสินใจในอนาคตของผู้นำคนใหม่เป็นสิ่งที่อาจจะสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดได้ เนื่องจากนางลาการ์ดเคยประกาศจะทำการททวนนโยบายของอีซีบีที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2003 เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการตัดสินใจใช้ QE เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา อีกหนึ่งเรื่องที่เธอน่าจะกล่าวย้ำ คือผลกระทบเชิงลบของนโยบายค่าเงินมากกว่าที่นายมาริโอเคยได้ลงทำไว้
· นักวิเคราะห์จาก Natixis กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการประชุมอีซีบีคืนนี้ คือเรื่องของคาดการณ์ฉบับใหม่ที่อาจเผยถึงมุมมองเงินเฟ้อระยะยาวในปี 2022 ที่จะบ่งบอกถึงแนวโน้มระยะกลางที่อีซีบีจะพยายามเพื่อผลักดันเงินเฟ้อไปสู่เป้าหมายเมื่อเปรียบเทียบกับมุมมองปี 2021 ที่โดยปกติจะเป็นไปในเชิงผ่อนคลาย และมักสื่อถึงการส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ดำเนินต่อไป
· ธนาคารรายใหญ่กับมุมมองต่อประชุมอีซีบีคืนนี้
TD Securities
การประชุมครั้งแรกของนางคริสทีน ลาร์การ์ด ในฐานะประธานอีซีบี คาดว่าจะมีมติคงนโยบาย ขณะที่ลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 2020 และ 2021 ลง
Danske Bank
คาดคงว่านโยบายการเงิน และไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การเข้าซื้อพันธบัตร (QE) จะเริ่มตามกำหนดการเดิมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ING
คาดว่าจะยังไม่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด ขณะที่ถ้อยแถลงหลังการประชุมคืนนี้ น่าจะช่วยให้ตลาดเข้าใจมุมมองของประธานคนใหม่มากขึ้น
Nordea Markets
คาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างเร็วที่สุดภายในช่วงเดือย มี.ค. ปีหน้า เมื่อพิจารณาจากความอ่อนแอของตัวเลขทางเศรษฐกิจ
BBVA
คาดว่าเนื้อหาการประชุมครั้งนี้จะไม่แตกต่างจากรายงานการประชุมเมื่อเดือน ต.ค. มากนัก และจะมีมติคงนโยบายเพื่อจับตาภาวะเศรษฐกิจต่อไป
· กลุ่มนักลงทุนกำลังเฝ้าจับตาการเลือกตั้งอังกฤษในคืนนี้ โดยคาดว่าพรรอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน จะสามารถคว้าเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้ และอาจจะทำให้เกิดการยุติความไม่แน่นอนของ Brexit ได้ และกระแสข่าวช่วงแรกดังกล่าวที่สามารถขัดขวางแนวทางที่พรรคแรงงานจะดำเนินการได้นั้นถือเป็นผลบวกต่อค่าเงินปอนด์ โดยจะเห็นถึงการตอบรับของเงินปอนด์ที่ไปทำแข็งค่ามากสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะล่าสุดดูทีท่าว่านายบอริส จอห์นสัน จะได้รับชัยชนะอย่างสูสี และนี่ดูจะสร้างความปั่นป่วนให้แก่ค่าเงินปอนด์รวมทั้งดัชนีหุ้นของอังกฤษด้วยเช่นกัน
ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนจาก Killik & Co มองว่าพรรคอนุรักษ์นิยมมีแนวโน้มจะได้รับเสียงข้างมากในรัฐสภา แม้ว่าผลที่ออกมาจะทำให้เงินปอนด์อ่อนค่า แต่ก็เชื่อว่าตลาดไม่น่าเจอเรื่องเซอร์ไพร์สที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นในเชิงสภาแขวน
· สถาบันจัดอันดับ Fitch Ratings ระบุว่า สถานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกงยังคงอยู่ และมีสัญญาณเพียงน้อยนิดว่าสถานะดังกล่าวได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงที่ยืดเยื้อติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันได้เตือนว่า การประท้วงที่ยังคงเกิดขึ้นในฮ่องกงได้บั่นทอนมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจฮ่องกง และหากรัฐบาลฮ่องกงสูญเสียอำนาจในการควบคุมสถานการณ์ไปมากกว่านี้ก็อาจจะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงได้โดยตรง
· สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภคประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลง 6% สู่ระดับ 7.988 แสนล้านเยน (7.36 พันล้านเหรียญ) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากการส่งออกที่ซบเซาส่งผลให้ความต้องการลงทุนลดลง
โดยรายงานระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร ซึ่งเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นนั้น ร่วงลงในเดือนต.ค. หลังจากที่ปรับตัวลง 2.9% ในเดือนก.ย.
· ราคามันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยปรับขึ้นมาได้บางส่วนหลังจากปรับลดลงก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นตามหลังการเพิ่มขึ้นเกินคาดของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ขณะที่ราคาฟื้นตัวในวันนี้ได้เนื่องจากตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลหลังโอเปกคาดการณ์ว่าภาวะอุปทานอาจลดน้อยลงในปีหน้า
น้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 64.00 เหรียญ/บาร์เรล จากเมื่อวานที่ร่วงลง 1% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้น
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ระดับ 58.88 เหรียญ/บาร์เรล จากเมื่อวานที่ร่วงลง 0.8%