• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2562

    18 ธันวาคม 2562 | SET News
   

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น โดยยังคงทำการปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีก อันเนื่องจากข้อมูลภาคที่อยู่อาศัยและการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 31.27 จุด หรือ +0.11% ที่ระดับ 28,267.16 จุด และดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 0.03% ที่ 3,192.52 จุด และ Nasdaq ปิด +0.1% ที่ 8,823.36 จุด

ภาพรวมดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 4 วันทำการ และภาพรวมปีนี้ปรับขึ้นได้ 27% จากความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน รวมถึงการผ่อนคลายทางการเงินของเฟด และสัญญาณทางเศรษฐกิจเชิงบวก

ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดรออนุมัติก่อสร้างบ้างปรับขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ค. ปี 2007 ทางด้านข้อมูลผลผลิตภาคการผลิตของเฟดก็ปรับตัวขึ้นได้เกินคาด

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงด้วยท่าทีระมัดระวัง หลังจากที่ฟื้นตัวตามข่าวข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯและจีน

ดัชนี Stoxx600 ปิด -0.73% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าภาคครัวเรือนปรับตัวลง 207% และหุ้นหลักส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในเช้าวันนี้ จากความเสี่ยงที่ Brexit จะจบแบบ No-Deal มากขึ้น โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.12% ทางด้าน Topix เปิด -0.19% แต่ Kospi ของเกาหลีใต้ขยับขึ้นได้เล็กน้อยประมาณ 0.14%

ยอดส่งออกญี่ปุ่นร่วงลง 7.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยยังคงภาพการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ขณะที่ยอดนำเข้าแย่ลงกว่าที่คาดอย่างมากแตะระดับ 15.7%

ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิดทรงตัว

ความเสี่ยงกรณี Brexit มีมากขึ้นจากการที่นายกฯอังกฤษจะผลักดันร่างกฎหมายไม่ขยายเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านเกินสิ้นปีหน้า ขณะที่อังกฤษยังคงกำหนดการออกจากอียูในวันที่ 31 ม.ค. 2020

รายงานจาก CNBC มองว่า การทำข้อตกลงกับอียูดูจะมีกรอบเวลาที่น้อยเกินไป และดูมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเห็น Brexit จบแบบ No-Deal

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 30.15 - 30.40 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดจะติดตามการ ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมทั้งการประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจาก กนง.ด้วย

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เท่าเดิม เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างที่น่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่าไตรมาสที่ 3 พร้อมคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขการส่งออก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของ กนง.ในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยเฉพาะช่วงสองไตรมาสปีหน้า

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com