· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวในวันนี้ก่อนทราบการประกาศข้อมูลจีดีพีสหรัฐฯไตรมาสที่ 3/2019 ในคืนนี้ ขณะที่ตลาดตอบรับเบาบางต่อข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจและประเด็นการไต่สวนนายทรัมป์
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.03% ที่ 97.375 จุด ท่ามกลางบรรดาเทรดเดอร์ที่ดูจะลดสถานะการลงทุนก่อนการประกาศข้อมูล Final GDP จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯในคืนนี้ ทางด้านยูโรอ่อนค่าลง 0.11% ที่ 1.112 ดอลลาร์/ยูโร ด้านค่าเงินเยนแข็งค่า 0.26% ที่ 109.23 เยน/ดอลลาร์
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ก็ดูจะไม่ได้ตอบรับกับถ้อยแถลงของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่กล่าวถึง สหรัฐฯและจีนอาจจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ในช่วงต้นเดือนม.ค.
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษหรือ BoE มีมติคงดอกเบี้ยในการประชุมวานนี้ พร้อมระบุว่ายังคงเร็วเกินไปที่จะเห็นผลกระทบของการที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ที่อาจทำให้ Brexit มีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลง 0.51% ที่ 1.301 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องหลังจากมีคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากอียู โดยปราศจากข้อตกลงทางการค้า
· ผลสำรวจจาก Reuters ชี้ว่า ชาวอเมริกาสหรัฐฯไม่น้อยกว่าครึ่ง แสดงความคิดเห็นว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯควรลงจากตำแหน่ง หลังมีการไต่สวนและถูกตั้งข้อหาจากทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
· สมาคม ELFA ของสหรัฐฯ เผยว่า การกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุนของบรรดาบริษัทต่างๆในสหรัฐฯปรับตัวลงประมาณ 3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี โดยภาคบริษัทมีการลงนามกู้เงินครั้งใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 7.8 พันล้านเหรียญ โดยลดลงจากระดับ 8 พันล้านเหรียญในช่วงต้นปี และอัตราการกู้ยืมจากเดือนก่อนลดลงมากถึง 23% โดยเป็นผลกระทบจากปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะทำให้ภาคการลงทุนดูจะชะลอตัวลงไป
· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติผ่านร่างข้อตกลงการค้า USMCA ระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา-เม็กซิโก ด้วยคะแนนเสียง 385 – 41 เสียง หลังจากที่ดำเนินการเจรจามาเป็นเวลามากกว่า 1 ปี และร่างข้อตกลงจะถูกส่งไปให้วุฒิสภาลงมติอันดับต่อไปภายในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าวุฒิสภาน่าจะให้การสนับสนุนช่นเดียวกัน
· สำนักข่าว Reuters เผยว่า รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติข้อตกลง Brexit ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้ ตามที่นายบอริส เคยให้สัญญาในช่วงหาเสียงว่าจะทำการลงมติข้อตกลงให้ได้ภายในคริสมาสต์นี้
· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนี ระบุว่า ยอดส่งออกเยอรมนีมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อันเป็นผลกระทบจากปัญหาความอ่อนแอทางการค้าทั่วโลก ที่อาจสร้างความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องต่อภาคการผลิตโลกได้ ขณะที่แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีก็ดูจะอ่อนตัวลงไป อันเป็นผลจากสงครามการค้าที่กระทบภาคการผลิต, ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่ Brexit ที่ยังมีความไม่แน่นอนก็ดูจะกระทบกับภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี เชื่อว่า ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตภายในประเทศได้
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสมาสต์ ขณะที่ตลาดยังมีแรงหนุนจากการที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลง และข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูจะช่วยลดความตึงเครียดให้แก่ตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 37 เซนต์ ที่ 66.54 เหรียญ/บาร์เรล โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 29 เซนต์ ที่ระดับ 61.22 เหรียญ/บาร์เรล
ปริมาณการซื้อขายในตลาดน้ำมันเบาบาง แต่ภาพรวมสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นได้ โดยมีปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐฯและจีนทำการยกเลิกแผนการเก็บภาษีระหวางกัน และข้อตกลงระหว่างทั้ง 2 ประเทศดูจะนำมาซึ่งการฟื้นตัวของทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกได้ จึงทำให้เกิดมุมมองว่าอุปสงค์พลังงานในปีหน้าจะปรับตัวสูงขึ้น และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
ประธานจาก Blue Line Futures ระบุว่า ตลาดน้ำมันตอบรับเชิงบวกกับการที่สหรัฐฯไม่ขึ้นภาษีเมื่อ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา และดูจะเป็นการสงบศึกทางการค้าชั่วคราวระหว่างกันได้ในเวลานี้ ขณะที่ทางการจีนก็มีการยกเว้นแผนการจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 26 ธ.ค.นี้
รองประธานฝ่ายการวิจัยการตลาดจาก Tradition Energy กล่าวว่า หากสหรัฐฯและจีนล้มเหลวในการเตรียมรายละเอียดที่ชัดเจนสำหรับข้อตกลงการค้า ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากทิศทางขาขึ้นในเวลานี้ได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเจอปัญหาที่แท้จริงจากปัญหาทางการค้าที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน เราก็อาจเริ่มเห็นรายละเอียดที่มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือตลาดต้องการเห็นการลงนามข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริงในเวลานี้