· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวในช่วงเปิดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว โดยมีแรงหนุนจากตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังสามารถรักษาทิศทางการเติบโตได้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ฟื้นตัวเล็กน้อย หลังจากปรับอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน
นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Trust Bank มีมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ได้หยุดหรือชะลอการเติบโต อีกทั้งยังไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในเร็วๆนี้แต่อย่างใด
ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.10778 ดอลลาร์/ยูโร แต่ภาพรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางขาลงนับตั้งแต่อ่อนค่าลงมาจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1.12 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.659 จุด ภาพรวมยังเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ที่ 96.605 จุด เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.
ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ทรงตัวแถว 109.41 เยน/ดอลลาร์ โดยยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 109.73 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งขึ้นไปได้เมื่อช่วงต้นเดือนนี้
ค่าเงินปอนด์แข็งค่าเล็กน้อยแถว 1.3011 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ระดับ 1.2979 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าติดต่อกัน 2 ปีซ้อน
ค่าเงินยูโรในช่วงบ่ายวันนี้เคลื่อนไหวอยู่แถว 1.1082 ดอลลาร์/ยูโร หรือคิดเป็น -3.17% จากระดับเปิดตลาดปีนี้ เทียบกับปี 2018 ที่ค่าเงินปรับลดลงไป -14.14%
โอกาสฟื้นตัว?
ท่ามกลางสัญญาณของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีท่าทีดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และทั้งสองฝ่ายก็ดูเหมือนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกได้ในที่สุด ประกอบกับการเลือกตั้งสหรัฐฯในปี 2020 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงยิ่งมีเหตุผลที่จะต้องรีบทำข้อตกลงการค้าร่วมกับจีน ดังนั้นตลาดจึงคาดการณ์ว่าค่าเงินยูโรมีโอกาสฟื้นตัวในปี 2020 แต่การฟื้นตัวอาจคงอยู่ได้ไม่นานนัก หากความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซนยืดเยื้อออกไปอีก
· กระทรวงการคลังจีนประกาศจะปรับลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากนานาประเทศกว่า 850 รายการ คลอบคลุมตั้งแต่เนื้อหมู อโวคาโด และเซมิคอมดักเตอร์บางประเภท ภายในปีหน้า เพื่อพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
โดยอัตราภาษีที่จะถูกปรับลง จะต่ำกว่าอัตราภาษีเฉลี่ยที่หลายๆประเทศใช้ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหมูที่จะถูกปรับลงเหลือ 8% จากอัตราเฉลี่ยที่ 12% อีกทั้งจีนยังประสบปัญหาโรคติดต่อในสุกรที่ทำให้เนื้อหมูในประเทศขาดแคลน
นายคลาส น็อท หนึ่งในคณะกรรมการของอีซีบี มีมุมมองว่าการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำติดต่อเป็นระยะเวลานานๆ อาจไม่สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างที่ทางอีซีบีคาดหวัง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ อาจทำให้นักลงทุนประเมินว่าความเสี่ยงในเศรษฐกิจยูโรโซนอยู่ในระดับสูงเกินไป ขณะที่คนรุ่นใหม่ๆอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องเก็บออมเงินมากขึ้น
· รัฐบาลฮ่องกงเตรียมตัวรับมือกับการประท้วงในช่วงวันหยุดคริสต์มาส โดยกลุ่มผู้ประท้วงวางแผนที่จะจัดการชุมนุมในหลายเขตต่างๆทั่วเมือง ซึ่งรวมถึงในห้ามสรรพสินค้าชั้นนำ
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงวางแผนที่จะชุมนุมใน 5 ห้างสรรพสินค้าดังในช่วงเทศกาลคริสต์มาส รวมถึงย่านช็อปปิ้งชื่อดังอย่างจิมซาจุ่ย
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังได้วางแผนที่จะจัดการประท้วงภายใต้ชื่อ "Suck the Christmas" ในวันที่ 25 ธ.ค.อีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงจำนวนมากออกมาชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ซึ่งมีการขว้างปาก้อนอิฐและแก้วเข้าสู่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตอบโต้ด้วยสเปรย์พริกไทย พร้อมขู่ผู้ประท้วงด้วยปืน
· รายงานจาก Reuters ระบุว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ มีการเรียกประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มศักยภาพทางการทหาร จึงส่งผลให้เกิดความกังวลว่าเกาหลีเหนืออาจกลับมาประทะกับสหรัฐฯอีกครั้ง
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี ยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯและจีนอาจจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯและจีนอาจจะลงนามข้อตกลงเฟสแรกกันได้ในไม่ช้า
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.2% ท่ี่ระดับ 65.98 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.4% ที่ระดับ 60.22 เหรียญ/บาร์เรล