และถึงแม้ว่าราคาทองคำ ณ ปัจจุบันในทางเทคนิคสามารถยืนได้เหนือ 1,482.4 เหรียญ และเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันบริเวณ 1,480.4 เหรียญ ก็ดูจะทำให้ภาพของทองคำค่อนข้างดี และตราบที่ราคาทองคำยังยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว ก็จะบ่งชี้เป็นภาวะขาขึ้นในทองคำอยู่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวก็ถือเป็นระดับแนวรับ ณ ปัจจุบันด้วย
ขณะที่แนวต้านด้านบนของทองคำดูจะอยู่ต่ำกว่า 1,500 เหรียญ โดยที่ระดับสำคัญทางเทคนิค 2 ตัวบ่งชี้ว่า เส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 100 วันอยู่ที่ 1,497.4 เหรียญ ขณะที่เส้น Fibonacci Retracement 23.6% อยู่ที่ 1,496.1 เหรียญ ซึ่งหากราคาทองคำผ่าน 2 ระดับดังกล่าว และยืนได้เหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,500 เหรียญได้ ก็ดูจะเป็นการตอกย้ำการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของทองคำได้ โดยเราน่าจะเห็นการเคลื่อนไหวของทองคำได้ตั้งแต่ช่วง ธ.ค. - ม.ค. ที่ราคาจะเริ่มต้นฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
· รายงานจาก Kitco ระบุว่า มุมมองของบรรดานักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า "เฟด" และ "อีซีบี" น่าจะเลือกคงดอกเบี้ยในปี 2020
ทุกๆการเปลี่ยนแปลงใดๆจากเฟดและอีซีบี ก็ดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เมื่อเทียบกับบรรดาธนาคารกลางอื่นๆ โดยนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะนำมาซึ่งความเป็นไปได้ของการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ และ "ทองคำ" ก็มักจะถูกเข้าซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของสองธนาคารชั้นนำก็จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินยูโรและดอลลาร์ ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของทองคำด้วยนั่นเอง
ภาพรวมเฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ได้ทำการปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% ขณะที่ Fed Dot-Plot ชี้ว่าสมาชิกเฟดส่วนใหญ่ ณ ขณะนี้มีความคิดไปในทางเดียวกันว่าน่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มปี 2020
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Capital Economics คาดว่า น่าจะเห็นเฟดยังคงดอกเบี้ยในอนาคต เว้นแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์จาก Nomura Global Economics กล่าวว่า บรรดาสมาชิกเฟดก็ดูจะเห็นพ้องต่อการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวดังนั้น เฟดน่าจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ยใดๆจนถึงการเลือกตั้งปี 2020
นักวิเคราะห์จาก TD Securities และ Commerzbank เห็นต่าง โดยคาดว่าน่าจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยได้ในดือนหน้า
นักกลยุทธ์การตลาดจาก Bannockburn Global Forex ก็มีมุมมองในทางเดียวกันว่า เฟดน่าจะทำการปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยในช่วงสิ้นสุด Q1 หรือ Q2 ของปีหน้า น่าจะเห็นทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอและจะนำไปสู่การเห็นเฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในช่วงต้น Q2/2020
สถาบันการเงินอย่าง Nomura ระบุว่า อาจเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในปีหน้า ขณะที่ CME FedWatch มองความเป็นไปได้ 51.5% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ย 1.5-1.75% ขณะที่มีโอกาส 34.6% ที่มองว่าจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยลง 1-1.25% และอีก 11.6% มองโอกาสที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยแตะ 2.3%
· รายงานจาก FXStreet ระบุว่า ในปี 2020 คาดว่า เฟดจะไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่ม จึงมีความกังวลว่าปีหน้าอาจเป็นปีที่ยากสำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำได้ โดยจะเห็นได้จากการที่บรรดาสมาชิกเฟดมีการส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงิน และไม่มีแนวโน้มจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ด้วย ซึ่งเฟดดูเหมือนจะตั้งใจให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นก่อนจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา
· ขณะที่ราคาทองคำร่วงลงจากที่ยืนเหนือ 1,550 เหรียญในช่วงเดือนก.ย. ลงมาแถว 1,440 เหรียญในเดือนพ.ย. ได้จากสัญญาณบ่งชี้ที่เฟดชะลอการปรับลดดอกเบี้ย
· นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์่า ราคาทองคำมีการฟอร์มตัวเป็นแบบชายธง (Flag Pattern) โดยจะเห็นได้ว่าราคาทองคำมีการฟื้นตัวจากต่ำสุดในช่วงเม.ย. บริเวณ 1,265 เหรียญ จึงมีโอกาสที่จะเห็นทองคำไปหาเป้าหมายระยะยาวที่ 1,850 เหรียญได้ และหากทองคำสามารถปรับตัวขึ้นมาเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่เป็นสูงสุดเดิมเมื่อเดือนก.ย.ปีนี้ที่ 1,557 เหรียญได้ ก็มีโอกาสทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,600 เหรียญได้
แต่หากทองคำกลับหลุดต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนพ.ย.ที่ 1,445 เหรียญ ก็มีโอกาสลงลึกกลับมาแถว 1,400 - 1,300 เหรียญได้
· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.7% ที่ 17.54 เหรียญ หลังจากที่ไปทำสูงสุดเมื่อ 7 พ.ย. ที่ 17.57 เหรียญในช่วงต้นตลาด ทางด้านพลาเดียมปรับลง 0.1% ที่ 1,874.48 เหรียญ และแพลทินัมทรงตัวที่ 935.89 เหรียญโดยประมาณ