· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่ค่าเงินอื่นๆที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางแรงหนุนจากถ้อยแถลงของจีน ที่ระบุว่ายังรักษาการเจรจาที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯเกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงเฟสแรก
โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน แข็งค่า 0.2% แถว 109.54 เยน/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 109.73 เยน/ดอลลาร์ ที่ขึ้นไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.10905 ดอลลาร์/ยูโร
นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi UFJ ระบุว่า เนื่องจากตลาดค่าเงินบางส่วนยังคงปิดทำการตามหลังวันคริสต์มาส ดังนั้นตลาดจึงมีการตอบรับที่ค่อนข้างจำกัดกับสัญญาณเชิงบวกของการเจรจา แต่เชื่อว่าตลาดจะมีการตอบรับที่ชัดเจนตามมาในภายหลัง
ด้านค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถว 1.2986 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกันกับระดับก่อนเข้าสู่วันหยุดคริสต์มาส แต่ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดของวันที่ 13 ธ.ค. ที่ 1.3516 ดอลลาร์/ปอนด์
· ผลการสำรวจความคิดเห็นชาวเยอรมัน ซึ่งจัดทำโดย YouGov เผยชาวเยอรมันส่วนใหญ่มองว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อันตรายกว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามมากที่สุดสำหรับสันติภาพบนโลกใบนี้
โดยผู้ตอบรับการสำรวจ 41% มองว่า ทรัมป์เป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อสันติภาพโลก ขณะที่ผู้ตอบรับการสำรวจ 17% มองว่าเป็นนายคิมจองอึน ส่วนนายปูตินและคาเมนี รั้งอันดับ 3 ด้วยสัดส่วนของผู้ตอบรับการสำรวจที่ 8% และสี จิ้งผิง ที่ 7%
การสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวจัดทำขึ้นในเยอรมนี ระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน 2,024 ราย
· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานบีโอเจ ประกาศว่า ทางบีโอเจจะทำการผ่อนคลายนโยบายลงอย่างไม่ลังเล หากมีสัญญานว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่สามารถขยายตัวถึงเป้าหมายที่ 2% ได้
ทั้งนี้ ในการประชุมบีโอเจเมื่อสัปดาห์ก่อน มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ที่ 0% พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้ในระดับปานกลาง
· รายงานจากสำนักข่าวในประเทศจีนระบุว่า กระทรวงคมนาคมแห่งประเทศจีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่สำหรับปี 2020 โดยแบ่งเป็นการลงทุนก่อสร้างทางรถไฟมูลค่า 8 แสนล้านหยวน (1.1438 แสนล้านเหรียญ) ทางด่วนและรางน้ำมูลค่า 1.8 ล้านล้านหยวน และการบินพลเรือนมูลค่า 8 แสนล้านหยวน
· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวกับนายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนจะไม่สามารถพัฒนาดีขึ้นได้อย่างแท้จริง หากยังมีความขัดแย้งหรือความไม่สงบอยู่ในน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก
นอกจากนี้ นายอาเบะยังพยายามเรียกร้องให้จีนยกเลิกการกีดกันการนำเข้าสินค้าในกลุ่มอาหารจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า การประท้วงในฮ่องกง ประกอบกับภาวะสงครามการค้าระหว่งาสหรัฐฯและจีน ได้กดดันให้เศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่า เศรษฐกิจฮ่องกงมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงไปยิ่งกว่านี้ โดยคาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะปรับลดลง 2.25% ส่วนของปี 2020 คาดว่าจะลดลง 5.8%
· แม้บรรดาตลาดเกิดใหม่จะเริ่มต้นทศวรรษนี้ได้อย่างสดใส แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายทศวรรษ จะเห็นได้ว่าบรรดาตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ไม่สามารถเติบโตอย่างที่คาดหวัง เนื่องจากแรงกดดันจากการเทขายในตลาดจีน ปัญหาหนี้สินในตุรกีและอาร์เจนตินา และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ดัชนี MSCIEF สำหรับบรรดาตลาดเกิดใหม่ โดย MSCI ปรับเพิ่มขึ้นได้ 15% จากระดับเปิดตลาดปี 2010 เทียบกับดัชนี MSCI ของภาพรวมทั่วโลกที่ปรับขึ้นได้ถึง 104%
ทั้งนี้ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน เป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตดีที่สุดในบรรดาตลาดเกิดใหม่ โดยแต่ละประเทศมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่กรีซ ตุรกี และสาธารณรัฐเช็ก เป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตแย่ที่สุดในบรรดาตลาดเกิดใหม่ และมีผลประกอบการที่ติดลบ
· โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ยืนยัน จีนยังรักษาการเจรจาที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับการลงนามร่วมกันในข้อตกลงเฟสแรก โดยทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินขั้นตอนที่สำคัญก่อนจะสามารถจัดการลงนามร่วมกันได้
· จีนประกาศต่อต้านร่างกฏหมายของสหรัฐฯที่จะเป็นการกีดกันการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทจีนในปี 2020 พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯก้าวข้ามมุมมองเชิงลบที่มีต่อจีนไปเสีย เพื่อสร้างบรรยากาศการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อกันและกัน
· Bay Area Council Economic Institute ซึ่งเป็นสถาบันเศรษฐกิจชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับประเด็นทางเศรษฐกิจและนโยบายสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาครอบๆ อ่าวซานฟรานซิสโกได้เปิดเผยว่า ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ แต่ยังเป็นประโยชน์กับทั้งโลกด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานที่เปิดเผยในเดือนนี้ที่มีหัวข้อว่า "การพิจารณาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ-จีน - หนทางข้างหน้า" ได้ระบุถึงปัญหาต่างๆ ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยรายงานดังกล่าวเขียนโดยชอน แรนดอล์ฟ ผู้อำนวยการอาวุโสของสถาบัน
· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ประกอบกับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพื่อควบคุมสมดุลในตลาด แต่ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง เนื่องจากตลาดบางส่วนยังคงปิดทำการในวันหยุด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% แถง 67.48 เหรียญ ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 25เซนต์ หรือ 0.4% แถง 61.36 เหรียญ
นักวิเคราะห์จาก AxiTrader ระบุว่า ราคาน้ำมันส่งสัญญาณของทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่งก่อนสิ้นปี 2019 ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าเจรจาการค้า ข้อตกลงของกลุ่มโอเปก และปริมาณการผลิตน้ำมันที่ลดลง ดังนั้นจึงคาดว่า ราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 จะมีผลประกอบการที่สดใสกว่าที่หลายๆฝ่ายเคยคาดไว้