MTS Help Center

ตลาดหุ้นสหรัฐฯในสมัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถปรับสูงขึ้นได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประธานาธิบดีคนก่อนๆ

โดยข้อมูลจากสถาบัน Bespoke Investment Group ระบุว่า ดัชนี S&P 500 ได้ให้ผลตอบแทนมากกว่า 50% นับตั้งแต่นายทรัมป์ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง มากกว่าค่าเฉลี่ยของประธานาธิบดีคนก่อนๆที่ 23% กว่าเท่าตัว โดยวัดเฉพาะช่วง 3 ปีแรกของการดำรงตำแหน่งเท่านั้น ส่วนดัชนีในปีนี้สามารถปรับขึ้นได้ถึง 28% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 12.8% จึงถือเป็นปีที่ดัชนีมีผลประกอบการที่ดีสุดในสมัยของนายทรัมป์

ทั้งนี้ แม้ผลประกอบการของดัชนีในสมัยนายทรัมป์จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอดีตประธานาธิบดี แต่ไม่ได้สูงกว่าอดีตประธานาธิบดีบางคน ยกตัวอย่าง ในปี 2013 สมัยของนายบารัค โอบามา ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนมากกว่า 32% เนื่องจากเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ได้


ผลประกอบการในปีที่ 4?

หากดูตามประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่าปีที่ 4 จะเป็นอีกปีที่ตลาดหุ้นสามารถปรับขึ้นได้ โดยมากกว่า 66% ของประธานาธิบดีที่ดัชนี S&P 500 สามารถปรับขึ้นได้ด้วยค่าเฉลี่ย 5.7% ภายในปีที่ 4 ของการดำรงตำแหน่ง

สำหรับสมัยของนายทรัมป์ ทิศทางของตลาดหุ้นปีหน้าจะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจากับจีนเป็นหลัก โดยในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ สหรัฐฯได้ประกาศความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลง “เฟสแรก” กับจีนได้ และจีนตกลงที่จะเพิ่มการเข้าซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าหลายพันล้านเหรียญ ขณะที่สหรัฐฯตกลงที่จะยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน แต่ตลาดหุ้นไม่มีการตอบรับต่อข่าวดีดังกล่าวเท่าไหร่นัก เนื่องจากยังขาดความชัดเจน รวมถึงตลาดเริ่มหันมาให้ความสนใจการเจรจาข้อตกลงเฟสสอง

ทั้งนี้ แม้นายทรัมป์จะมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางตลาดในปีหน้าอยู่ในระดับสูง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ระดับปานกลางเท่านั้น โดยระดับเป้าหมายเฉลี่ยของดัชนี S&P 500 ที่บรรดานักวิเคราะห์มองไว้ อยู่ที่ระดับ 3,330 จุด หรือสูงกว่าระดับสูงสุดของช่วงสัปดาห์นี้เพียง 4% ขณะที่นายทรัมป์ต้องผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นได้มากกว่า 6% เพื่อเอาชนะค่าเฉลี่ยของประธานาธิบดีคนก่อนๆ


ที่มา: CNBC