MTS Help Center

· ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงหลังจากที่ปิดปรับขึ้นต่อเนื่อง 11 วันทำการ โดยมีแรงเทขายเข้ามาในช่วงปลายตลาด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ก็ยังคงปิดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีทิศทางการปรับขึ้นอยู่แม้จะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงสิ้นปี

ดัชนีดาวโจนส์ปิด +23.87 จุด หรือ +0.08% ที่ 28,645.26 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด +0.11% ที่ 3,240.02 จุด และ Nasdaq ปิด -0.17% ที่ 9,006.62 จุด

ภาพรวมในช่วง 2 วันสุดท้ายส่งท้ายปีดัชนี S&P500 ยังคงปรับตัวขึ้นได้แล้วกว่า 29% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งถือเป็นระดับการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางในช่วงวันหยุดส่งท้ายปี ทางด้านนักลงทุนโดยส่วนใหญ่คาดหวังว่าสหรัฐฯและจีนจะลงนามข้อตกลงเฟสแรกได้ในเร็วๆนี้ และนั่นดูจะเป็นปัจจัยบวกต่อดัชนีหุ้นในช่วงเข้าสู่ปี 2020 ได้

· ประธานสถาบันวิจัย Yardeni กล่าวว่า การปรับตัวขาขึ้นระยะยาวของตลาดที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงจากความผันผวนและแรงเทขาย โดยเขาเคยประเมินว่าดัชนี S&P500 จะปรับตัวขึ้นแตะ 3,500 จุดได้ใช่วงสิ้นปีหน้า แต่ ณ ขณะนี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใกล้มามากกว่าที่เขาได้คาดการณ์ไว้ จึงมีโอกาสที่จะเห็นราคาอ่อนตัวลงมา โดยมีโอกาส 10-20% ที่ตลาดจะเข้าสู่สภาวะปรับฐานหากว่าดัชนีไปแตะ 3,500 จุดได้ในช่วงต้นปีหน้า

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในเช้านี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.32% ด้าน ASX200 เปิด -0.76% และ Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.15% ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.12%

ด้านธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จีนจะใช้ดอกเบี้ยเงินกู้ loan prime rate (LPR) เป็นมาตรฐานอ้างอิงใหม่ในการกำหนดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัว

PBOC ระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 สถาบันการเงินต่างๆ จะถูกห้ามไม่ให้ทำสัญญาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่กำหนดตามดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงแบบเดิม

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะปิดทำการในวันพรุ่งนี้เนื่องในวัน New Year’s Eve ขณะที่ออสเตรเลีย, ฮ่องกง และสิงคโปร์ วันนี้จะปิดทำการเร็วกว่าปกติ โดยจะเปิดให้บริการเพียงครึ่งวันทำการ

· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 30.10-30.25 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- จับตารายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยเดือนพย.ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจะรายงานออกมาในวันนี้

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.62 รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือ ของรัฐวิสาหกิจประมาณการเบิกจ่ายงบลงทุน ประมาณ 115,000 ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 15,400 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน 43,500 ล้านบาท และบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 56,700 ล้านบาท โดยจากการติดตามข้อมูลผลการเบิก จ่ายงบลงทุนจากรัฐวิสาหกิจคาดว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนรวม 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.62) รัฐวิสาหกิจจะเบิกจ่ายได้ประมาณ 101,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 102% ของเป้าหมายที่ 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สคร. จะติดตามการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจในปี 63 ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนการ เติบโตของเศรษฐกิจต่อไป

- แบงก์ออมสิน เผยผลสำรวจประชาชนฐานรากช่วงปีใหม่คาดยอดจับจ่ายใช้สอยลดลง 6.7%

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน ได้ทำการสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศจำนวน 2,186ตัวอย่าง พบว่า ภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยประมาณ 49,900 ล้านบาท ลดลง6.7% จากปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 3,550 บาท ลดลงจากปีก่อนเช่นกัน ทั้งนี้ ประชาชนฐานรากส่วนใหญ่มองว่ารายได้และค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับเท่าเดิมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา