จริงอยู่ที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของปี 2020 แต่นักวิเคราะห์จาก Eurasia Group มีความเห็นว่า ตลาดกังวลกับภัยคุกคามจากอิหร่าน “มากเกินไป” เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดที่ต้องการให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งครั้งนี้ อาจนำไปสู่การประทะกันแบบลองเชิงระหว่างกองกำลังสหรัฐฯและอิหร่าน หรืออิหร่านอาจพยายามรบกวนการขนส่งน้ำมันในพื้นที่อ่าวเปอร์เซียมากขึ้น รวมถึงพยายามโจมตีสหรัฐฯผ่านทางไซเบอร์ ตลอดจนการทำสงครามตัวแทนโดยใช้กองกำลังอื่นๆในตะวันออกกลางโดยมีจุดมุ่งหมายไปยังพลเมืองและพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่จะไม่กลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
การเลือกตั้ง
Eurasia Group ยกให้ การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับปี 2020
โดยการเลือกตั้งสหรัฐฯในปี 2020 ระบบการปกครองของสหรัฐฯจะถูกทดสอบในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจไม่โปร่งใส ความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ที่จะออกมา และความไม่นอนของนโยบายต่างประเทศที่จะตามมาหลังการเลือกตั้ง
นักวิเคราะห์เปรียบเทียบการเลือกตั้งสหรัฐฯครั้งนี้ มีความไม่แน่นอนพอๆกับ Brexit หรือเรียกว่า U.S.Brexit และไม่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ ผลที่ตามมาภายหลังน่าจะเป็นภาวะ “สุญญากาศทางการเมือง” ที่กินเวลาไปหลายเดือน
การแบ่งแยกทางเทคโนโลยี
อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจขึ้นในปี 2020 คือภาวะการแบ่งแยกทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยความขัดแย้งทางการค้าได้ส่งผลกระทบที่เริ่มเห็นได้ไปยังภาคเทคโนโลยีของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ระบบคลาวด์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี 5G ซึ่งในปี 2020 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นความแตกแยกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบางส่วนได้คาดการณ์ว่า ความแตกต่างกันทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯและจีน อาจนำไปสู่อินเทอร์เน็ตที่แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งนำโดยสหรัฐฯ อีกฝั่งหนึ่งจีน โดยผู้เชี่ยวชาญเรียกภาวะนี้ว่า “splinternet”
ความแตกแยกทางเทคโนโลยียังอาจนำไปสู่การประทะกันทางการเมืองที่รุนแรงมากขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยี หรือการควบคุมการส่งออก
ที่มา: CNBC