ปัจจัยที่ผสมผสานกัน 3 อย่าง ซึ่งก็คือ 1) ความตึงเครียดทางการเมือง 2) การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และ 3) อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในระดับติดลบ จะเป็นเหตุผลที่สนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำตลอดปี 2020 ตามที่นักวิเคราะห์หลายท่านคาดการณ์ไว้
ราคาทองคำปีนี้จะเฉลี่ยที่ 1,600 เหรียญ
นักกลยุทธ์สินค้าโภคภันฑ์จาก UBS ตั้งสมมุติฐานว่าราคาทองคำปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1,600 เหรียญ ท่ามกลางแรงหนุนจากทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้น โดยทองคำกำลังเป็นที่ต้องการของฝั่งผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการมากขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงิน การปรับสูงขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าซื้อของบรรดาผู้ประกอบการ และในระยะสั้นก็มีความเป็นไปได้ที่เหล่าผู้ประกอบการจะเทขายทองคำเพื่อทำกำไร แต่ราคาก็จะไม่หลุดจากทิศทางขาขึ้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลทางเศรษฐกิจของฝั่งผู้ประกอบการในสหรัฐฯที่มีแนวโน้มจะประกาศออกมาอ่อนแอในไตรมาสแรก จะยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้กับราคาทองคำ
ผู้บริหารฝ่ายสินค้าโภคภันฑ์จาก BMO Capital Markets กล่าวกับ CNBC ว่า เดือน ม.ค. และ ก.พ. เป็นเดือนที่มีปริมาณความต้องการทองคำในระดับสูง ทั้งจากการเข้าซื้อทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน และจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนหรือบรรดากองทุน ETF
นอกจากนี้ การเข้าถือครองทองคำที่มากขึ้นแทนการถือครองค่าเงินดอลลาร์ที่กำลังอ่อนค่าของบรรดาธนาคารกลาง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะธนาคารกลางของคาซัคสถาน รัสเซีย และจีน ซึ่งน่าจะเป็นธนาคารกลางที่มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มมากที่สุดในหมู่ธนาคารกลางด้วยกัน
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภันฑ์จาก ING คาดการณ์ว่า กระแสการเข้าถือครองสถานะ Long ในทองคำนับตั้งแต่เกิดเหตุสังหารผู้บัญชาการของอิหร่าน จะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะลดลง
ประเมินสถานการณ์ใหม่
แม้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเกือบทั้งหมดจะเป็นบวกต่อราคาทองคำ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็ได้ออกมาเตือนว่า อย่ารีบด่วนตัดสินใจ
โดยทาง UBS มองว่า สภาพคล่องของตลาดยังค่อนข้างเบาบาง จึงมีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำอาจมีการปรับขึ้นที่ “มากเกินไป” ราคาจึงอาจมีการปรับฐานอีกครั้ง เมื่อตลาดเริ่มกลับมาซื้อขายกันอย่างเต็มรูปแบบหลังพ้นช่วงเปิดตลาดปีใหม่ไประยะหนึ่ง การเข้าซื้อทองคำตามฤดูกาลตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรนำไปพิจารณากลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความยืดเยื้อของภาวะความตึงเครียดทางการเมือง กล่าวคือ หากความตึงเครียดทางการเมืองยืดเยื้อออกไปเป็นระยะเวลานาน ความสามารถในการเข้าซื้อทองคำของตลาดก็อาจถูกจำกัดลงเรื่อยๆ และเมื่อไหร่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการคลี่คลายความตึงเครียด ราคาทองคำก็อาจปรับตัวลงได้อย่างมาก
นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัฑ์จาก Macquarie ก็ได้สะท้อนมุมมองดังกล่าว โดยระบุว่า เหตุการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองครั้งก่อนๆ ไม่สามารถหนุนราคาทองคำได้มากเท่าไหร่นัก ซึ่งการที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นได้ จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย ซึ่งได้แก่ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และกระแสคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันในระดับสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้
ที่มา: CNBC