· ค่าเงินเยนแข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังอิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรักด้วยมิสไซล์ช่วงเช้าวันนี้ ก่อนที่ค่าเงินจะย่อตัวลงมาบางส่วน หลังตลาดเริ่มคลายกังวลว่าความขัดแย้งอาจไม่ลุกลามออกไปทั่วภูมิภาคแต่อย่างใด
ค่าเงินเยนแข็งค่ามากถึง 0.8% สู่ระดับ 107.63 เยน/ดอลลาร์ ในช่วงเช้า แต่ในช่วงบ่ายอ่อนค่าลงมาเกือบทรงตัวกับระดับเปิดตลาด
นักวิเคราะห์จาก Nomura มองว่า หากตลาดกังวลว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะนำไปสู่จุดจบของโลก ตลาดการเงินก็คงจะล่มไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าตลาดไม่ได้กังวลถึงระดับนั้นแต่อย่างใด
หลังจากนี้ ตลาดน่าจะให้ความสนใจไปยังการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ว่าจะมีแผนตอบโต้อิหร่านหรือไม่
นักวิเคราะห์จาก Westpac ระบุว่า ตลาดเริ่มมีกระแสคาดการณ์ว่า ปัจจัยเสี่ยงครั้งนี้ อาจไม่คงอยู่กับตลาดไปมากกว่า 3 เดือนหรือมากกว่าไตรมาสแรกไปแต่อย่างใด
ด้านค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวแถวระดับปิดตลาดเมื่อวาน เมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ ขณะที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินความเสี่ยงสูงอย่าง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ยูโร และปอนด์
· ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวแถว 1.1150 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางการซื้อขายทีเบาบาง แม้การประกาศข้อมูลคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีวันนี้จะออกมาลดลงมากกว่าที่คาด ซึ่งจะเป็นการบ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมเยอรมนียังไม่อ่อนแอถึงขีดสุด และความเสี่ยงที่จะเข้าภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ยังคงไม่หายไปไหน
· นักวิเคราะห์จาก Danske Bank ระบุว่า ตลาดจะให้ความสนใจไปยังประเด็นการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯโดยอิหร่านในวันนี้ ซึ่งตลาดจะคอยดูว่าสหรัฐฯจะมีการโต้กลับอิหร่านอีกหรือไม่
สำหรับในภาพรวมปัจจัยทางเศรษฐกิจ วันนี้มีข้อมูลที่ค่อนข้างเบาบาง ซึ่งข้อมูลที่น่าจับตาจากฝั่งยุโรปมีเพียงเรื่องของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภคเท่านั้น
และภายในวันนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดการจะพบกับ Ursula von der Leyen หัวหน้าคณะกรรมาธิการของอียู ซึ่ง Von der Leyen ยังมีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับ Brexit ในวันนี้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่คาดว่าจะมีข่าวสำคัญออกมาจากการพบกันครั้งนี้แต่อย่างใด จนกว่าอังกฤษจะเข้าสู่สถานะถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ
· กองทัพอิหร่านมีแถลงการณ์ออกทางโทรทัศน์ โดยยังยืนยันถึงข้อเรียกร้องให้สหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ตะวันออกกลาง ตามหลังเหตุโจมตีฐานทัพสหรัฐฯเมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยระบุว่า “สหรัฐฯได้ประจักษ์แสนยานุภาพของกองทัพอิหร่านแล้ว จึงควรพิจารณาถอนกำลังออกไปจากตะวันออกกลางเสีย”
· Singapore Airlines ประกาศให้ทุกสายการบินเลี่ยงการบินผ่านน่านฟ้าของอิหร่าน หลังเกิดการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯด้วยมิสไซล์ช่วงเช้าวันนี้
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความ "ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี"
"เรากำลังประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ 2 แห่งในอิรัก และดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เรามีกองทัพและอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และผมจะมีแถลงการณ์ภายในเช้าวันพรุ่งนี้"
ทั้งนี้ ช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ของสหรัฐฯ น่าจะตรงกับช่วงเย็น-ค่ำ วันนี้ตามเวลาประเทศไทย
· แถลงการณ์ของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ในวันนี้ มีใจความสำคัญดังต่อไปนี้
1) สหรัฐฯคือศัตรูของอิหร่าน
2) กองทัพสหรัฐฯควรถอนกำลังออกไป
3) การแทรกแซงของสหรัฐฯในตะวันออกกลางควรหยุดลงเพียงเท่านี้
4) การกลับมาเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ มีแต่จะเป็นหนทางไปสู่การถูกสหรัฐฯปกครองเท่านั้น
· ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์กับตะวันออกกลาง มีมุมมองว่า การโต้กลับของอิหร่านเกิดขึ้นอย่าง “รวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คิด” รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่สถานการณ์อาจลุกลามไปจนอยู่เหนือการควบคุม
ทั้งนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะสามารถตอบได้ว่าการเคลื่อนไหวต่อไปของสหรัฐฯจะออกมาในรูปแบบใด เนื่องจากมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ
สำหรับการโต้กลับของอิหร่านที่เกิดขึ้นวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอิหร่านต้องการส่งสัญญาณว่า พวกเขาสามารถทำร้ายทรัมป์ได้ รวมถึงเป็นการแสดงให้เห็นว่า การกดดันแบบสุดโต่งจากสหรัฐฯไม่มีผลต่อความทะเยอทะยานในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาต่อไป คือการเดินหมากต่อไปของนายทรัมป์ ซึ่งนายทรัมป์จำเป็นต้องมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว เนื่องจาก ผลลัพธ์ที่ออกมาจากความขัดแย้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะลงเอยด้วยสงครามหรือไม่ จะส่งผลต่อคะแนนความนิยมในการเลือกตั้งของเขาอย่างแน่นอน
· เกิดเหตุเครื่องบินพาณิชย์รุ่น Boeing 737 ของสายการบิน Ukraine International Airlines ตกใกล้สนามบินของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้ง 176 คนเสียชีวิต โดยรายงานระบุว่า เป็นความขัดข้องในเชิงเทคนิค แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
· อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศโอมานปี 2009 – 2012 มีมุมมองว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นกับฐานทัพสหรัฐฯในอิรักวันนี้ อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการคลี่คลายความขัดแย้ง
กล่าวคือ เนื่องจากรายงานเบื้องต้นระบุว่าไม่มีความเสียหายที่สำคัญหรือการสูญเสียชีวิต เท่ากับว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกหมัดกันไปแล้วคนละหมัด ดังนั้นสหรัฐฯอาจใช้โอกาสนี้ในการลดอาวุธและจับมือกับอิหร่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเสียหายที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
· ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 1% แต่มีการเคลื่อนไหวต่ำกว่าราคาเปิดวันนี้ที่ตอบรับข่าวอิหร่านเปิดฉากโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก และดูจะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งเป็นอุปสรรคต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงหลังจากที่ช่วงเช้าทะยานขึ้น โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ความตึงเครียดในตลาดอาจบรรเทาลงได้ตราบเท่าที่การโจมตีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน ขณะที่การทวิตเตอร์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับทางรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านก็ดูมีสัญญาณที่สงบลงในเวลานี้
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 67 เซนต์ หรือคิดเป็น +1% ที่ระดับ 68.94 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปทำสูงสุดนับตั้งแต่ก.ย. 2019 ที่ 71.75 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 47 เซนต์ หรือ +0.8% ที่ 63.17 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำสูงสุดของเม.ย. ปีที่แล้ว บริเวณ 65.85 เหรียญ/บาร์เรล