· หุ้นบริษัท Apple, Alphabet และหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆปรับตัวสูงขึ้นและหนุนให้หุ้นสหรัฐฯทำระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องจากได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯและจีน ควบคู่กับการประกาศรายงานผลประกอบการ Q4/2019 ที่กำลังจะมาถึง
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.29% ที่ 28,907.05 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด +0.7% ที่ 3,288.13 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุด ด้าน Nasdaq ปิด +1.04% ที่ 9,273.93 จุด และก็เป็นการปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ คาดว่า ผลประกอบการภาคบริษัทในกลุ่มของ S&P500 จะปรับตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส ด้านกลุ่มนักลงทุนนอกจากรอการประกาศผลประกอบการ ก็ยังคงรอดูท่าทีการแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้าของสหรัฐฯและจีนด้วย
· ดัชนี Stoxx600 ปิด -0.18% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ปรับตัวลงเกือบ 1% ขณะที่ตลาดคาดหวังจะเห็นการลงนามข้อตกลงเฟสแรกของสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยถึงการจะเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงในสัปดาห์นี้
· หุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักงทุนที่รอคอยข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้ พร้อมกับตลาดมีมุมมองเชิงบวกจาการที่สหรัฐฯจะถอนจีนออกจากรายชื่อประเทศบิดเบือนค่าเงิน โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.74% หลังจากที่ปิดทำการเมื่อวานนี้ ด้าน Topix เปิด +0.28% และ Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.73%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15 - 30.30 บาท/ดอลลาร์
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีไทย มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า รองรับช่วงจังหวะค่าเงินบาทแข็งค่า โดยเน้นไปที่ภาคเอกชนไทย และให้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอในช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ 2.8% จากก่อนหน้านี้เคยมองกรอบไว้ที่ 2.7-3.1% ส่วนการส่งออกขยายตัว 0.8% คิดเป็นมูลค่า 248,613 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าลดลงเล็กน้อยที่ -0.1% คิดเป็นมูลค่า 237,693 ล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัด อยู่ที่ 4.7% ต่อ GDP อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ระดับ 1.0%
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.35 บาท/ดอลลาร์ โดยคาดว่าตลาดจะติดตามการลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีนวันที่ 15 ม.ค. เพื่อประเมินทิศทางการเจรจาในระยะข้างหน้าสำหรับภาพรวมสัปดาห์นี้ คาดว่าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินส่วนใหญ่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ยังมี แรงส่งเชิงบวก ขณะที่เงินเยนอาจเผชิญแรงขายต่อเนื่องท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
- PwC คาดในปี 63 เศรษฐกิจโลกจะเข้าภาวะชะลอตัวของโลกาภิวัตน์ โดยการค้าและการลงทุนทั่วโลกจะดำเนินไปในทิศทางที่ชะลอตัว และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตประมาณ 3.4% หลังได้รับแรงหนุนจากภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายลง และการพึ่งพาการบริโภคภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นทดแทนการส่งออกและการลงทุนที่ชะลอตัว
ขณะที่ PwC ประเทศไทย คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตต่ำกว่า 3% โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการ ลงทุนภาครัฐ แต่ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงเรื่องสงครามระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านว่าจะขยายวงกว้างมากน้อยแค่ไหน รวมถึงสงคราม การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินต่อไปส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- นักลงทุนจับตาการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะนำคณะผู้แทนของจีนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐในวันนี้ และจะพำนักอยู่ที่กรุงวอชิงตันถึงวันที่ 15 ม.ค.เพื่อร่วมลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ