• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 มกราคม 2563

    16 มกราคม 2563 | SET News

· ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่สหรัฐฯและจีนลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ แม้ว่าตลาดการเงินยะงคงระมัดระวังการลงทุนเนื่องจากข้อตกลงทางการค้ายังคงมีความไม่แน่นอน

โดยทำเนียบขาวเปิดเผยว่า จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตร ตลอดจนสินค้าอื่นๆ ที่ครอบคลุมถึงภาคบริการสหรัฐฯในช่วง 2 ปี ที่มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ

ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Horizon Investment Services ระบุว่า

ไม่ว่าจะมีใครมองว่านี่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่หรือความคืบหน้าเล็กน้อย แต่การลงนามข้อตกลงเฟสแรกนั้นเป็นสิิ่งที่จับต้องได้ และเป็นทิศทางที่ตลาดพึงพอใจ

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.14%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐฯและจีนสามารถลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.07% ที่ระดับ 23,933.13 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.14% ที่ะรดับ 1,728.72 จุด

ซึ่งดัชนีปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่นักลงทุนได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการลงนามข้อตกลงดังกล่าว

โบรคเกอร์ประจำ IwaiCosmo Securities ระบุว่า การลงนามการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนจบลง เหล่านักลงทุนก็ยังคงชะลอการลงทุนเพื่อมองหาปัจจัยใหม่ๆในการซื้อขาย ซึ่ง

ตอนนี้เหล่านักลงทุนกำลังรอผลประกอบการของญี่ปุ่นที่จะประกาศในปลายเดือนนี้

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการลงนามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งข้อตกลงดังกล่าวได้ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ขณะที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้เล็กน้อย

โดยดัชนี Shanghai Composite ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นตลาด แต่เริ่มชะลอตัว และกลับมาปิดแดนลบ 0.25% แต่ในภาพรวมดัชนีปรับขึ้นได้ 7.6% นับตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา



· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.2% ด้านหุ้นเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นด้านท่องเที่ยวและโทรคมนาคม
  
อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

- ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้า​นักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้​ (16​ ม.ค.)​ อ่อนค่าที่ระดับ 30.27 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ จาก 30.26 บาทต่อดอลลาร์​สหรัฐ​ ช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน โดย​กรอบเงินบาทวันนี้อยู่​ที่​ 30.20-30.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

อย่างไรก็ดี ฝั่งตลาดเงินไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมากนัก อัตรา​ผลตอบแทน​พันธบัตร​ (บอนด์ยีลด์)​ สหรัฐอายุ 10 ปียังคงซื้อขายอยู่ในระดับ 1.79% ขณะที่ยีลด์ฝั่งยุโรปปรับตัวลงแทบทุกประเทศ ชี้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้าสู่โหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) อย่างเต็มตัว

ในระยะสั้น เชื่อว่าทุกตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอประเด็นใหม่ๆ เข้ามาในตลาด ขณะที่เงินบาทก็มีความเคลื่อนไหวไม่มาก เนื่องจากมีการดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด

ระยะถัดไปจึงควรจับตาทิศทางของเงินดอลลาร์เป็นหลัก โดยถ้าปัญหาการเมืองในสหรัฐ เช่นการลงมติถอดถอนประธานาธิบดี กลับมาเป็นเรื่องที่ตลาดสนใจก็อาจเห็นการอ่อนค่าของดอลลาร์ หรือถ้าตลาดเลือกที่จะมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐไม่ดีตามคาด ตลาดก็อาจพักฐาน ส่งผลให้ดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน    

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com