· ดัชนี S&P500 ฟื้นตัวขึ้นผ่าน 3,300 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์และ Nasdaq ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และรายงานผลประกอบการจาก Morgan Stanley ที่ออกมาดีกว่าคาดและทำให้หุ้นบริษัทพุ่งขึ้นกว่า 6.6% จึงหนุนให้ S&P500 ปิด +0.84% ที่ 3,316.89 จุด ขณะที่ดาวโจนส์ปิด +0.92% ที่ 29,297.64 จุด และ Nasdaq ปิด +1.06% ที่ 9,357.13 จุด ซึ่งทำให้ภาพรวมปีนี้ Nasdaq ปรับขึ้นมาแล้ว 4.29%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่รอคอยการประกาศจีดีพีจีน โดยดัชนี S&P/ASX200 เปิด +0.54% ขณะที่นิกเกอิเปิด +0.61% ควบคู่กับหุ้นทุกภาคส่วนที่เปิดแดนบวกและ Topix ที่เปิด +0.39% ด้าน Kospi ของเกาหลีต้เปิด +0.92% และ MSCI ที่เป็นดัชนีโดยรวมที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.22%
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จีดีพีจีน เพราะคาดการณ์กันว่าน่าจะออกมาชะลอตัวลงมากที่สุดไม่น้อยกว่าในรอบ 27 ปีครึ่ง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.30 - 30.40 บาท/ดอลลาร์ โดยมีโอกาสอ่อนค่าไปทดสอบที่ระดับ 30.40 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่ภาพรวมมีแรงเข้าซื้อดอลลาร์มามากขึ้น
-สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) คาดในปี 2563 บริษัทเอกชนไทยจะยังคงมีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการว่าจะมีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวแตะ 850,000 ล้านบาท และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) รัฐบาลระยะสั้นขยับลดลงตาม ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปีซึ่งทำระดับต่ำสุดใหม่ในช่วงเปิดต้นปี น่าจะมีโอกาสปรับตัวลงในกรอบจำกัด และขยับขึ้นในกรอบแคบเมื่อสงครามการค้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น