• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 มกราคม 2563

    17 มกราคม 2563 | SET News

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวตามที่คาด แม้จะถูกกดดันจากสหรัฐฯก็ตาม

โดยภาพรวมจีดีพีจีนปีนี้ขยายตัวได้ 6.1% ท่ามกลางรายงานจีดีพี Q4/2019 ที่ขยายตัวได้ตามคาดที่ 6% โดยยังเผชิญกับระดับหนี้ที่อยู่ในระดับสูง อุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว และปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.1%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั่วโลกและการอ่อนค่าของค่าเงินเยน

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.45% ที่ระดับ 24,041.26 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. ปี 2018 ที่ผ่านมา ภาพรวมในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่า 1% ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.4%

องค์กรวิจัยร่วมประจำ APAC Equity Research ระบุว่า ผลประกอบการเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศญีปุ่่น ไม่ได้มาจากคนญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญระดับชาติ ในช่วงประกาศผลประกอบการภาคบริษัทจะบ่งชี้ถึงปริมาณอุปสงค์ทั่วโลก

· ตลาดหุ้นจีนปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ในภาพรวมรายสัปดาห์ ตลาดหุ้นปรับลดลงในระดับปานปลาง แม้จะมีแรงหนุนจากการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีนก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.1% ที่ระดับ 3,075.50 จุด ภาพรวมรายสัปดาห์ปิด -0.5% ขณะที่ ดัชนี Blue-chip CSI300 ปิด +0.1% ที่ระดับ 4,154.85 จุด ภาพรวมรายสัปดาห์ปิด -0.2%

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนบวกตอบรับการรายงานตัวเลข GDP จีนที่ประกาศออกมาสอดคล้องกับคาดการณ์ จึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดกลับมาได้บ้าง โดยดัชนี Stoxx 600 เปิด +0.5% นำโดยหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ปรับขึ้น 1% ขณะที่หุ้นทุกกลุ่มเคลื่อนไหวแดนบวก ยกเว้นหุ้นกลุ่มน้ำมันและแก๊สที่อยู่ในแดนลบ

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลการลงนามในสัญญาการค้าระยะที่ 1 ระหว่างสหรัฐกับจีนจะเป็นผลดีต่อการค้าโลกให้มีความคึกคักมากขึ้น แต่เชื่อว่าในภาพรวมการส่งออกไทยไม่ได้รับประโยชน์มากนักและน่าจะมีสินค้าอย่างน้อย 3 ชนิดที่จะมีผลกระทบในเชิงลบ โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และอาหารทะเล ที่ไทยส่งออกไปจีน เนื่องจากตามสัญญาจีนต้องซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มในช่วง 2 ปีมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ซึ่งสินค้าทั้ง 3 ชนิดไทยมีมูลค่าส่งออกที่มากพอสมควรและเป็นสินค้าที่สหรัฐต้องการส่งออกมาจีนด้วย

- พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือและประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กล่าวว่า ในวันนี้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านราคา) ของกลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หลังจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอกล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 ของกลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ในช่วงก่อนหน้านี้

- นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ตอบรับวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) และราคาน้ำมันเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นราว 1% ทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและน้ำมันเข้ามาด้วย

อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้ายังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มจากกลุ่มแบงก์ และศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) นัดวินิจฉัยข้อกล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 23 ม.ค.นี้

- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางทีมโฆษกได้กำหนดแนวทางการรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วไป ข้าราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักเรียน นิสิตนักศึกษา ด้วย 3 วิธีการหลัก ทั้งรูปแบบออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่น ไลน์ และติดแฮชแท็ก เป็นต้น รวมถึงรูปแบบการเปิดเวทีลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น และรูปแบบออนแอร์ผ่านช่องทางวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ โดยอาจเริ่มรับฟังความเห็นของประชาชนตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายน และจะเริ่มจัดเวทีเสวนาในเดือนกุมภาพันธ์ และอาจจะมีการถ่ายทอดสด (Live ) ผ่านทางเฟซบุ๊กในการประชุมนัดสำคัญๆ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com