· ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทำรดับสูงสุดในรอบมากกว่า 1 สัปดาห์ หลังจากที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบขนาดใหญ่สองแห่งในลิเบียเริ่มปิดตัวลง
สำหรับวันนี้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัว เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดพันธบัตรปิดทำการในวันหยุดของ Martin Luther King Jr.
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นทรงตัว หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้าแตะระดับสูงุสดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปี 2018
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน เนื่องจากข้อมูลที่อยู่อาศัยสหรัฐฯที่ออกมาอย่างแข็งแกร่งและมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนหลังจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งช่วยหนุนภาคการก่อสร้างและเครื่องจักร
โดยผลกำไรมาจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการสร้างบ้านในสหรัฐฯประจำเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.18% ที่ระดับ 24,083.51 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมต.ค.ปี 2018 ที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.50% ที่ระดับ 1,744.16 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจมีเสถียรภาพ และความหวังเพิ่มขึ้นสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อช่วยการเติบโต
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 3,095.79 จุด
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบุว่า จีนมีความมั่นใจในการรักษาอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้จะเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากก็ตาม
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ผู้นำภาคการเมืองและธุรกิจทั่วโลกมารวมตัวกัน ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.1% ด้านนการท่องเที่ยวและการพักผ่อน รวมทั้งสาธารณูปโภคลดลง 0.5% ขณะที่หุ้นน้ำมันและก๊าซปรับตัวสูงขึ้น 0.4%
ทั้งนี้ WEFเตือนว่า ปี 2020 โลกจะผันผวนมากขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าและการเมืองยิ่งทำให้การจัดการความท้าทายระดับโลกยากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (20-24 ม.ค.) ที่ 30.20-30.60 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ น่าจะอยู่ที่การรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนธ.ค. 62 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาด อาจรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจา การค้าของสหรัฐฯ-จีนในเฟสสอง ตลอดจนดัชนี Composite PMI สำหรับเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
- "บิ๊กตู่" เตรียมนำ ครม.สัญ จรนราธิวาส 20-21 ม.ค.นี้ พร้อมตรวจราชการกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งเปิดศูนย์ร้องทุกข์ ย้ำห้ามกีดกัน ปชช.เข้าร้องเรียน "แม่ทัพภาค 4" สั่งคุมเข้มรักษาความปลอดภัย "ศอ.บต." เล็งชงแพ็กเกจฟื้น ศก. ชายแดนใต้
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมให้ปี 2563 เป็นปีแห่งการลงทุนนั้น กระทรวงการคลังเตรียมจัดทำแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุน เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 63 อยู่ที่ 9.6 แสนคัน หดตัว -4% จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อสำหรับปี 63 ที่ระดับ 5-7% ด้วยนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีความรอบคอบระมัดระวัง จากที่มองเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงเผชิญปัญหาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ด้วยนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบกับมีการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐ ก็จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตระดับ2.5% ในปีนี้
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- SCB วูบกว่า 10% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 8 ปี ผิดหวังกำไร Q4/62 ต่ำกว่าคาดถึง 40% เหตุรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิหดตัว สำรองเพิ่มจากหนี้เสียเร่งตัวขึ้น ขณะที่ปันผล 0.75 บาท ไม่สามารถประคองราคาได้ วงการคาดอนาคตอาจไม่เห็นปันผลสูงเท่าอดีต ขณะที่ ศก.ชะลอ อาจผลักดันให้หนี้เสียทั้งระบบเพิ่มขึ้น กูรูแห่ตบเท้าหั่นราคาเป้าหมาย จับตา 22 ม.ค.นี้ เปิดบ้านพบนักวิเคราะห์