· ค่าเงินหยวนกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังไปทำแข็งค่ามากที่สุดรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่ความต้องการค่าเงินเยนในฐานะ Safe-Haven เพิ่มสูงขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดในจีน และมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย พร้อมกับมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีชาวจีนนับแสนรายที่เตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน จึงทำให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลง
ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาร่วงลงอีกครั้งจากความกังวลว่าจะเกิดวิกฤตเช่นเดียวกับไข้หวัดซาร์ในปี 2002-2003 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกรวมทั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 ราย ขณะที่ไวรัสโคโรนาเป็นกลุ่มเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคซาร์
ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงไปเกือบ 0.6% ที่ 6.9049 หยวน/ดอลลาร์ และระหว่างวันไปทำอ่อนค่ามากที่สุดรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 6.9094 หยวน/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินหยวนในแง่การค้าและการท่องเที่ยวก็อ่อนค่าลงเช่นกัน โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทำต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน แตะ 0.68445 ทางด้านนิวซีแลนด์ดอลลาร์ร่วงลงเกือบ 0.75% ที่ 0.6589 และค่าเงินวอนของเกาหลีร่วงลง 0.6%
ด้านค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้น 0.15% ที่ 110.05 เยน/ดอลลาร์ จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแถว 97.57 จุด แต่ก็ยังใกล้กับระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบเดือน
ในการประชุม World Economic Forum นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจากับจีนเกี่ยวกับข้อตกลงเฟส 2 จะเริ่มต้นในเร็วๆนี้ ขณะที่การลงนามเฟสแรกในสัปดาห์ที่แล้วได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นทิศทางเศรษฐกิจโลก และเป็นปัจจัยที่ยังคงสนับสนุนดอลลาร์อยู่
ค่าเงินปอนด์ได้รับอานิสงส์จากข้อมูลการจ้างงานภายในประเทศที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดด้วยอัตราการขยายตัวดีที่สุดในรอบปีในช่วง มิ.ย. แต่ก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นบีโออีตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยเงินปอนด์ล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 1.3053 ดอลลาร์/ปอนด์ ด้านยูโรทรงตัว 1.1105 ดอลลาร์/ยูโรรอประชุมอีซีบีวันพรุ่งนี้
· วุฒิสภาสหรัฐฯที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก มีมติโหวตปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาสำหรับการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียง 53 ต่อ 47 เสียง จึงเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าการดำเนินการไต่สวนนายทรัมป์ภายในวุฒิสภาจะดำเนินไปอย่างเป็นมิตรกับนายทรัมป์
ลำดับต่อไปของการไต่สวนนายทรัมป์ ทางพรรคเดโมแครตยังคงถูกคาดการณ์ว่าจะยังผลักดันการไต่สวนในวุฒิสภา โดยจะเป็นการนำพยานมาให้ปากคำต่อวุฒิสภา และทางวุฒิสภาก็จะโหวตตัดสินว่าจะให้การรับรองถ้อยแถลงของพยานหรือไม่ โดยการไต่สวนในขั้นตอนต่อไป ถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงปลายเดือน ม.ค. จนถึง ต้นเดือน ก.พ.
ส่วนในวันที่ 4 ก.พ. นายทรัมป์มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลง State of the Union ต่อสภาคองเกรส
· รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสเพิ่มเป็น 6 คนในประเทศจีน ขณะที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเป็นเคสแรกในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดเป็นความกังวลต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจและฉุดหุ้นร่วงลง ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนเริ่มยกเลิกแผนการเดินทาง ส่วนทางสนามบินเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้ป่วยที่รัดกุมยิ่งขึ้น
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากติดเชื้อโคโรนาไวรัสจะทำให้เกิดเป็นโรคปอดอักเสบ มีอาการคล้ายกับโรคซาร์ (SARS) และสามารถติดต่อแบบคนสู่คนได้ แต่รัฐบาลจีนมีมาตรการรับมือกับเชื้อไวรัสนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงคาดว่าการแพร่ขยายของโคโรนาไวรัสอาจไม่เป็นวงกว้างเท่ากับซาร์ รวมถึงโคโรนาไวรัสก็มีความร้ายแรงที่น้อยกว่าซาร์
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงเมื่อวานนี้จากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานในตลาดโลก ประกอบไปด้วย การผลิตน้ำมันสหรัฐฯที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัตการณ์ จึงอาจบดบังประเด็ฯที่การผลิตน้ำมันของลิเบียจะปรับตัวลง
สัญญาน้ำมัน Brent ปิดลดลง 20 เซนต์ ที่ 64.59 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน WTI ปรับลง 20 เซนต์ หรือ -0.3% ที่ 58.38 เหรียญ/บาร์เรล
ภาพรวมการส่งออกน้ำมันของลิเบียเผชิญอุปสรรคจากการประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ด้านการส่งออกน้ำมันที่ท่าเรือ 5 แห่งภายในประเทศจากคำสั่งปิดท่าเรือของกองกำลังแห่งชาติลิเบีย และการส่งออกน้ำมันของลิเบียชะงักลงก็ดูเหมือนจะส่งผลให้สต็อกน้ำมันและการผลิตชะลอตัวลงไป 72,000 บาร์เรล/วัน หลังจากที่โดยรวมก่อนหน้านั้นลิเบียผลิตน้ำมันได้ที่ระดับประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน