· เมื่อคืนนี้องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ยังไม่ประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ สำหรับไวรัสโครนาที่มีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อจะถือเป็นภาวะฉุกเฉินของประเทศจีน แม้ว่าในระยะสั้นๆจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและความกังวลระหว่างประเทศได้ก็ตาม
รายงานล่าสุดในเช้าวันนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมาที่ 830 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้รัฐบาลจีนต้องสั่งปิดหลายเมืองในประเทศ พร้อมกับมีการยกเลิกการจัดงานเทศกาลตรุษจีนในกรุงปักกิ่งและเมืองอื่นๆด้วยเช่นกัน
· การประชุมอีซีบีเมื่อคืนนี้ยังมีมติเอกฉันท์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ -0.5% ดังที่ตลาดคาด รวมทั้งมีการเปิดเผย Strategic Review เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003 โดยมีการระบุถึงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ขณที่ นางคริสติน ลาการ์ด เผยถึงการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่าควรจะคงไว้ในระดับปัจจุบันหรืออาจปรับลดลงได้อีกจนกว่าที่เงินเฟ้อจะขยับใกล้เป้าหมาย 2% ที่กำหนด แม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ต่ำกว่าที่คาดแต่ก็เห็นการฟื้นตัวได้อยู่
ในรายละเอียดของ Strategic Review ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญอันดับแรกๆของการดำรงตำแหน่งประธานอีซีบีของนางลาการ์ด เพื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้า รวมถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนนโยบายให้มีความเหมาะสม โดยการทบทวนกลยุทธ์ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นปี 2020
สำหรับมุมมองเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจนางลาการ์ดมีมุมมองว่า ภายรวมของปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างที่จะชี้ไปในเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในเรื่องของความตึงเครียดทางการเมือง การกีดกันทางการค้า และความบอบบางของตลาดเกิดใหม่ แต่ก็พอมีสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของการค้าขายระหว่างประเทสที่มีความไม่แน่นอนลดน้อยลงไปบ้าง
ด้านอัตราเงินเฟ้อถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถขยายตัวได้ในระยะกลาง แต่นางลาการ์ดได้กล่าวย้ำว่าการดำเนินนโยบายในส่วนอื่นๆจำเป็นต้องสนับสนุนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อให้เศรษฐกิจได้รับผลประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างเต็มที่
· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรหลังจากที่อีซีบีตัดสินใจคงนโยบายดอกเบี้ย และ QE ต่อไป ขณะที่การเปิดเผยมุมมองการรีวิวกลยุทธ์ของอีซีบีก็มีแนวโมว่า นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีคนใหม่ตั้งใจพาอีซีบีไปสู่เป้าหมายรวมทั้งหาวิธีทำให้บรรลุผล
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.37% ที่ 1.1051 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับการอ่อนค่าลงมากที่สุดตั้งแต่ 9 ธ.ค.
ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.36% ที่ 109.43 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่หยวนอ่อนค่าต่อเนื่องทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวานนี้แตะ 6.9337 หยวน/ดอลลาร์ อันเป็นผลจากความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาในประเทศจีน และภาพรวมเงินหยวนอ่อนค่าลงมาแล้วกว่า 1% นับตั้งแต่ที่ทำแข็งค่ารอบ 6 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และเรียกได้ว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดห์ที่แย่ที่สุดของเงินหยวนที่อ่อนค่าหนักนับตั้งแต่เดือนส.ค.
· นายจอร์จ ซอรอส พ่อมดการลงทุนหรือมหาเศรษฐีรายใหญ่จับตาไปยังการพบกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในการประชุม World Economic Forum ณ กรุงดาวอส ซึ่งดูเหมือนนายสี จะพยายามใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของนายทรัมป์ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่นายทรัมป์ กล่าวหาว่าจีนใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อควบคุมประชาชนจีนโดยสมบูรณ์ ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของนายทรัมป์ และนายสี แต่จะเป็นการกำหนดชะตากรรมโลกร่วมด้วย
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศปรับปรุงโควต้าการนำเข้าเครื่องซักผ้า จากเดิมที่สหรัฐฯกำหนดให้มีเพดานสำหรับการนำเข้าเครื่องซักผ้าเป็นแบบรายปี ปรับปรุงใหม่ให้เป็นแบบรายไตรมาส โดยจะมีเพดานที่ 1.2 ล้านเครื่อง/ไตรมาส และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.พ. นี้
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวว่า บรรดาผู้ผลิตในสหรัฐฯเริ่มมีความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติมากขึ้น แต่รัฐบาลยังจำเป็นต้องมีการเข้ามาช่วยเหลือมากกว่านี้อีก
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงไปประมาณ 2% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ความต้องการน้ำมัน รวมทั้งอาจส่งผลต่อภาวการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การปรับลงของราคาน้ำมันยังเป็นไปอย่างจำกัดจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.2 เหรียญ หรือ -1.9% ที่ 62 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. บริเวณ 61.25 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.15 เหรียญ หรือ -2% ที่ระดับ 55.59 เหรียญ/บาร์เรล โดยในช่วงต้นตลาดทำต่ำสุดนับตั้งแต่ 1 พ.ย. บริเวณ 54.77 เหรียญ/บาร์เรล