· ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ Nasdaq กลับมาปิดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งเพราะได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นบริษัท Netflix
อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญกับข่าวไวรัสโคโรนาของจีน ประกอบกับรายงานผลประกอบการที่ยังเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของตลาดอยู่ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 26.18 จุด หรือ -0.09% ที่ 29,160.09 จุด ทางด้านS&P500 ปิด +0.11% ที่ 3,325.54 จุด และ Nasdasq ปิด -0.2% ที่ 9,402.48 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่องค์การอนามัยโลกยังคงไม่ประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศครั้งใหม่เป็นวันที่ 2 เนื่องจากยังมองว่าเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพิจารณาว่าไวรัสดังกล่าวเป็นความกังวลฉุกเฉินระดับโลก เพราะอาจเป็นความฉุกเฉินเฉพาะในจีนเพียงอย่างเดียวได้
ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.26% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +0.19% ขณะที่ S&P/ASX200 ปิด +0.3% และภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิดทรงตัว
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ตลาดภูมิภาคเอเชียอย่างจีน และเกาหลีใต้จะปิดทำการก่อนเข้าเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40 - 30.55 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี วันนี้ธุรกรรมในตลาดเงินหลายประเทศอาจเบาบางลง เนื่องจากตลาดปิดทำการในวันตรุษจีน
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวถึงแนวคิดการออก พ.ร.ก.กู้เงิน ในกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 อาจล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหา ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติรับร่างกฎหมายดังกล่าวว่า จากการหารือกับกระทรวงการคลังเห็นว่ายังไม่สมควรออก พ.ร.ก.ในขณะนี้ จึงมอบหมายกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปหารือเพื่อเตรียมแผนสำรองไว้หากเกิดคามล่าช้าขึ้น แต่ยอมรับว่ากรณีดังกล่าว อาจกระทบทำให้เม็ดเงินลงทุนภาครัฐล่าช้าออกไป แต่จะไม่มีผลต่องบประจำและงบบุคลากรมากนัก
- ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย ไตรมาส 1/63 คาดว่าดัชนีจะที่ระดับ 46.6 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 46.1 ทำให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SMEs ของไทยยังมีความเชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของ SMEs ในอนาคตข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น อันเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการส่งเสริม SMEs ของภาครัฐทั้งที่ออกมาแล้วและกำลังทยอยออกมาเพิ่มเติม เช่น มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่จะมีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
- "ประธานวิปรัฐบาล" เผย 90 สส.รัฐบาล เข้าชื่อส่ง "ประธานสภาผู้แทนฯชวน"ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี'63 เป็นโมฆะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่/ตกหมดทั้งฉบับ หรือบางมาตรา หวั่นมีปัญหาจะหาทางแก้ไข ขณะที่ 84 สส. ฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นตีความเช่นกัน ด้าน"วิษณุ"ระบุอาจ มีปัญหา แค่ล่าช้าใช้งบประมาณ แย้มเตรียมทางออกไว้แล้ว
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีไทย เปิดเผยถึงกรณีกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 อาจล่าช้า หลังจากมีปัญหาส.ส.เสียบบัตรแทนกันเพื่อลงมติ ว่า ยืนยันว่ารัฐบาลมีแผนสำรองเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว
- "แอตต้า" ประเมินปีหนูทอง นักท่องเที่ยวต่างชาติจะยกทัพเข้ามาเที่ยวเมืองไทย 41-42 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มคนจีน 11.5 ล้านคน ลุ้นค่าเงินบาทไม่หลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ ย้ำชัดไม่กังวลไวรัสโคโรนาเพราะเชื่อรัฐบาลจีนควบคุมได้วอนรัฐบาลรีบประกาศต่ออายุยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่าน ด้านสมาคมโรงแรมกัดฟันปีนี้ธุรกิจจะยังไปได้สวย
- ธนาคารพาณิชย์ไทย 10 แห่ง แจ้งผลประกอบการปี 2562 มีกำไรสุทธิรวมกัน 202,209.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,274.51 ล้านบาท จากปี 2561 มีกำไรสุทธิรวมกัน 194,934.52 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารที่ยังเพิ่มขึ้น สวนทางเศรษฐกิจชะลอตัวนั้น มาจากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต และธนาคารกรุงศรีอยุธยา บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด