· ค่าเงินหยวนอ่อนค่าทำระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นความกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจไม่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความกังวลดังกล่าวหนุนให้เกิดปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างค่าเงินเยน ค่าเงินเยนจึงแข็งค่าทำระดับแข็งค่าที่สุดของวันที่ 8 ม.ค.
ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามาที่ระดับ 6.9776 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.16% แถว 109.09 เยน/ดอลลาร์
ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.881 จุด
ค่าเงินปอนด์ ยูโร และดอลลาร์ ต่างค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากตลาดกำลังรอการประชุมของเฟดและบีโออี รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีกำหนดจะรายงานภายในสัปดาห์นี้
ค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถว 1.3060 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยการประชุมของบีโออีในวันที่ 30 ม.ค.สัปดาห์นี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นที่บีโออีจะมีมติจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ขณะที่การประชุมเฟดในวันที่ 29 ม.ค. ถูกคาดว่าจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ย และยังรายงานตัวเลขภาคอสังหาฯ สินค้าคงทน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้ก่อนหน้าการประชุมเฟด
· คาดการณ์ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ : Neutral
ในสัปดาห์นี้มีตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อนข้างหลากหลาย จึงมีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินดอลลาร์จะมีความผันผวนสูงตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค., ดุลการค้าเดือน ธ.ค., การประชุมเฟด, GDP ไตรมาส 4/2019 และ ดัชนี PCE Price Index
คาดเฟดคงดอกเบี้ย แต่แนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยเริ่มสูงขึ้นในเดือนถัดไป
ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆมา จึงไม่น่าแปลกใจหากเฟดจะมีการส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยที่ลดน้อยลง แม้จะเหตุการณ์สำคัญอย่างการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ตลาดก็มีความกังวลเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้ตลาดมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
· Daily FX ยกให้ “ดอลลาร์” เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ดีที่สุด
บทวิเคราะห์จาก Daily FX ระบุว่า นักลงทุนสามารถลงทุนให้สินทรัพย์เสี่ยงได้ แม้จะอยู่ในภาวะที่ตลาดมีความเสี่ยง หากนักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ แต่ในกรณีที่ต้องการพักเงินในสินทรัพย์ปลอดภัย “ดอลลาร์” ดูจะเป็นตัวเลลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์เป็นค่าเงินที่ในในธุรกรรมทั่วโลกกว่า 2 ใน 3 ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด และก็ไม่มีสินทรัพย์ใดสามารถมาแทนที่ดอลลาร์ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าค่าเงินดอลลาร์ มีความผันผวนได้เช่นกัน
· EUR/USD มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดของปี 2020 ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในวันนี้ แต่สัญญาณทางเทคนิคส่วนใหญ่ยังบ่งชี้ว่า ค่าเงินมีแนวโน้มที่จะย่อตัวกลับลงมาแถว 1.10 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่สัญญาณจากปริมาณการซื้อขายที่ไม่ชัดเจนในทางใดทางหนึ่ง บ่งชี้ว่าค่าเงินมีแนวโน้มทรงตัวแบบสะสมพลังสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะปรับลงต่อ
ทางฝั่งนักวิเคราะห์จาก Commerzbank คาดการณ์ว่า ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงไปถึงระดับ 1.0980 ดอลลาร์/ยูโร และถัดไปที่ 1.0879 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค.
· จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในประเทศจีนล่าสุดเพิ่มเป็น 81 ราย ขณะที่รัฐบาลจีนประกาศขยายวันหยุดช่วงตรุษจีนออกไป รวมถึงบรรดาบริษัทขนาดใหญ่ที่หยุดทำการชั่วคราวหรือประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ซึ่งเป็นความพยายามเพื่อจำกัดการแพร่ขยายของเชื้อขยาย
· รายงานอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีน ระบุว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสามารถแพร่จากคนสู่คนได้โดยที่ยังไม่ต้องแสดงอาการออกมา และระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสอาจมีตั้งแต่ 1 - 14 วัน ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสส่วนมากเป็นผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพหรือมีโรคประจำอยู่แล้ว รวมไปถึงผู้สูงอายุ
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า โคโรนาไวรัสในเบื้องต้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนแน่ โดยเบื้องต้นจะมีนักเดินทางหรือนักท่องเที่ยวไหลออกจากประเทศเพื่อหลบเลี่ยงไวรัสโคโรนาจากการแพร่ระบาดในเวลานี้ ขณะที่รัฐบาลให้ประชาชนอยู่แต่ในพื้นที่ที่พักอาศัยและมีการยกเลิกจัดกิจกรรม รวมทั้งการระงับการเดินทางของประชาชนนับร้อยล้านคน
ภาพรวมการท่องเที่ยวในวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการหยุดเฉลิมฉลองตรุษจีนพบว่ามียอดการเที่ยวลดลงไป 28.8% เมื่อเท่ียบกับปีก่อน
โดยการเดินทางทางอากาศลดลง 41.6% การเดินทางผ่านทางรถไฟลดลง 41.5% การขนส่งมวลชนลดลงไป 25%
· รายงานจาก Reuters ระบุถึงปริมาณการจ้างงานและเลิกจ้างงานที่ค่อนข้างสมดุลกันในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสที่ 4/2019 ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานกำลังอยู่ในจุดอิ่มตัว และอาจชะลอการเติบโตลงในปีนี้
ขณะที่แบบสำรวจจากสถาบัน NABE ระบุว่า ปริมาณการจ้างงานและเลิกจ้างงานที่สมดุลกันในไตรมาสก่อน ถือเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ปริมาณการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอาจมาจากความยากลำบากในการหาคนงาน ไม่ใช่ปริมาณอุปสงค์ที่หดตัว
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของแผนสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางให้กับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ในการเดินทางเยือนสหรัฐฯของผู้นำอิสราเอลวันจันทร์นี้ และในวันอังคาร นายทรัมป์อาจมีแถลงการณ์ร่วมกับผู้นำอิสราเอล เพื่อเผยรายละเอียดของแผนการออกสู่สาธารณะ
· รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ประจำเซี่ยงไฮ้ เผยว่า ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ในจีนมีการปิดห้างร้านเป็นการชั่วคราว หรือแนะนำให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน ท่ามกลางเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศจีนและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตพุ่งสูง 80 ราย และพบผู้ติดเชื้อเกินกว่า 2,700 ราย
โดยภาคบริษัทมีการขยายช่วงวันหยุดให้ยาวนานขึ้น พร้อมกับยกเลิกการจัดกิจกรรม และมีการควบคุมพื้นที่ ขณะที่ทางการจีนตัดสินใจขยายเวลาปิดทำการช่วงเทศกาลตรุษจีนออกไปต่ออีก 3 วันจนถึง 2 ก.พ. เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
· ไอเอ็มเอฟปรับการเติบโตของภาคบริการน้ำมันในคูเวทว่าจะขยายตัวได้ 3% ขณะที่เงินเฟ้อปรับขึ้นมาที่ 1.8% ในปีนี้ แต่มีการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันและผลผลิตน้ำมันที่ดูจะเป็นปัจจัยลบต่อภาคพลังงานน้ำมัน ขณะที่ภาพรวมจีดีพีคูเวทมีแนวโน้มจะโตได้ประมาณ 0.7% ในปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงจากระดับ 1.2% ในปี 2018
· รายงานจากรัฐบาลเยอรมนี พบว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีในปีที่แล้วจะเติบโตได้เพียง 0.6% ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายในภาคครัวเรือนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ การลงทุนในภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ต่างๆก็มีการปรับตัวลดลง และยอดส่งออกก็ไม่ได้ขยายตัวแต่อย่างใด แต่กลับปรับตัวลงมากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาคการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมก็หดตัวลง โดยปรับลงแตะ 0.5%
อย่างไรก็ดี แม้ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่ข้อมูลที่เสร็จสมบูรณ์สำหรับช่วงไตรมาสที่ 4/2019 แต่ก็เพียงพอที่จะประเมินผลกระทบภาพรวมตลอดปีได้
· WTI: นักวิเคราะห์คาดน้ำมันเผชิญแรงเทขายต่อ
นักวิเคราะห์จาก TD Securities ประเมินว่า นักลงทุนน่าจะพากันเทขายน้ำมันตามเทรน ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงมาอีก หลังจากที่ราคาน้ำมัน WTI เปิดตลาดสัปดาห์ในแดนลบ โดยเปิด Gap ลงมาที่ระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค. ที่ 52.19 เหรียญ/บาร์เรล
· ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ในประเทศจีนและการปิดเมืองทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 1.28 เหรียญ/บาร์เรล หรือ 2.1% ที่ระดับ 59.41 เหรียญ โดยก่อนหน้านี้ลดลงสู่ระดับ 58.68 เหรียญ ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.24 เหรียญ หรือ 2.3% ที่ระดับ 52.95 เหรียญ/บาร์เรล โดยลดลงไปอยู่ที่ 52.15 เหรียญ ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.