· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา
- รายงานล่าสุดจาก CNBC ระบุว่า ไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 82 คนในจีน ขณะที่ผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นแตะ 2,900 ราย ที่รวมไปถึงในสหรัฐฯหรือแถบยุโรป ขณะที่ทางการจีนเร่งปฏิบัติการควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน
- กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์มีการถอนกำลังพนักงานจากจีนออกไป และยิ่งดูจะกลายเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันภาคการผลิตในจีน อันเป็นผลจากไวรัสโคโรนาที่ก่อให้เกิดสภาวะฉุกเฉินไปทั่วประเทศ โดยบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่มีมาตรการระงับการเดินทางไปสู่ประเทศจีน หลังมีผู้เสียชีวิตและติดต่อเพิ่ม ท่ามกลางการผลิตในจีนที่ต้องระงับไว้เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถกลับมาทำการผลิตได้ แต่ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกก็ดูจะปิดทำการออกไปนานกว่านั้น
สื่อท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ รายงานว่า บริษัทต่างๆภายในประเทศจะกลับมาเปิดทำการได้ก่อนวันที่ 9 ก.พ. ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆในจีนที่หยุดยาวในช่วงตรุษจีนและจะหยุดเพิ่มจนถึง 2 ก.พ.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส
· การประชุมเฟดวาระนี้ 28-29 ม.ค. ตลาดคาดว่าเฟดไม่น่าจะทำอะไรและคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ แต่เฟดน่าจะจับตาดูผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองต่างๆ ซึ่งถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดถือว่ามีความสำคัญและเป็นสิ่งที่ตลาดเฝ้ารอคอยดูแนวทางต่อไปที่เฟดคิด
อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนของไวรัสโคโรนา และผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจอื่นๆก็น่าจะทำให้เฟดเฝ้ารอดู โดยคงดอกเบี้ยและไม่ตัดสินใจทำอะไรเพิ่มเติมในเวลานี้
· ดัชนีดดอลลาร์และค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นในฐานะ Safe-Haven ท่ามกลางหยวนที่อ่อนค่าแตะต่ำสุดของปีนี้ จากความกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง โดยเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 108.94 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.09% ที่ 97.94 จุด
ทางด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอีก 0.9% ที่ 6.99 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ 30 ธ.ค.
บรรดาเทรดเดอร์มองว่า สภาพคล่องในตลาดยังค่อนข้างต่ำเนื่องจากตลาดการเงินในจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และออสเตรเลียยังคงปิดทำการในช่วงวันหยุดเทศกาล
สำหรับยูโรอ่อนค่าลง 0.02% ที่ 1.102 ดอลลาร์/ยูโร โดยในช่วงต้นตอบรับกับการที่สถาบัน IFO เผยว่าดัชนีภาคธุรกิจเยอรมนีปรับตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนม.ค.
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลงกว่า 2% ไปทำต่ำสุดรอบ 3 เดือน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและพลังงาน จึงก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะชะลอตัวตาม
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.37 เหรียญ หรือ -2.3% ที่ 59.32 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 21 ต.ค. ด้าน WTI ปิดลดลง 1.05 เหรียญ หรือ -1.9% ที่ 53.14 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 2 ต.ค.ปีที่แล้ว
· หน่วยงานที่จับตารัฐบาลอังกฤษเผย แคมเปญโฆษณา “Get Ready for Brexit” ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเป็นโครงการโฆษณาชวนเชื่อที่ยิ่งใหญ่กว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีผลกระทบที่ค่อนข้างเบาบางเป็นส่วนใหญ่
แคมเปญโฆษณา “Get Ready for Brexit” เป็นแคมเปญที่รัฐบาลอังกฤษเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน โดยพยายามชักชวนให้ประชาชนเข้ามาเยี่ยมเยียนเว็บไซท์ของรัฐบาล เพื่อศึกษาว่าประชาชนควรเตรียมตัวเช่นไรสำหรับ Brexit
แคมเปญดังกล่าวใช้งบประมาณไป 100 ล้านปอนด์ (131 ล้านเหรียญ) โดยครอบคลุมตั้งแต่การออกอากาศทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เว็บไซท์ออนไลน์ ป้ายโฆษณา รวมถึง โรดโชว์ ที่เจาะจงไปยังบางชุมชนโดยเฉพาะ