• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 28 มกราคม 2563

    28 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินหยวนเริ่มทรงตัวหลังอ่อนค่าต่อเนื่องทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่ความเชื่อมั่นในตลาดยังค่อนข้างอ่อนแอจากการระบาดของเชื้อไวรัสที่อาจสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

ขณะที่ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเพิ่มเป็นมากกว่า 100 ราย

ทั้งนี้ การซื้อขายในตลาดค่อนข้างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนการทราบผลประชุมเฟดในคืนพรุ่งนี้


· นักวิเคราะห์จากธนาคาร MUFG มีมุมมองว่า ผลกระทบทั้งหมดจากการระบาดของเชื้อไวรัสยังไม่ปรากฏแน่ชัด และตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาทางด้านสุขภาพแต่เป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในประเทศจีน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนอาจชะลอการเติบโตลงในปีนี้ ค่าเงินหยวนจึงยิ่งมีแนวโน้มที่จะถูกเทขายมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินก็จะถูกเข้าซื้อและแข็งค่ามากขึ้น

ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนนอกประเทศทรงตัวแถว 6.9755 หยวน/ดอลลาร์ ฟื้นตัวเล็กน้อย หลังทำระดับอ่อนค่าสุดของวันที่ 30 ธ.ค. ขณะที่ตลาดจีนยังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน

ค่าเงินเยนทรงตัวแถว 108.97 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดของวันที่ 8 ม.ค.


· ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.923 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นมา 0.86% เมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.1023 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดของเดือน ธ.ค.

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถว 1.3058 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ถ้อยแถลงในเชิงผ่อนคลายทางการเงินจากสมาชิกบีโออี ทำให้ตลาดมีกระแสคาดการณ์ว่าบีโออีอาจประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจอังกฤษที่ประกาศออกมาค่อนข้างดีขึ้น ทำให้ตลาดมีกระแสคาดการณ์เริ่มผสมผสานกัน





· ยูโรอ่อนค่าต่อเนื่อง ลบล้างการแข็งค่าในเดือน ธ.ค.

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ลบล้างการที่ค่าเงินสามารถปรับขึ้นได้ในเดือน ธ.ค. ไปหมดแล้ว และกำลังมีทิศทางเคลื่อนตัวเข้าหาแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1.10 ดอลลาร์/ยูโร

การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจเยอรมนีที่ออกมาค่อนข้างสดใส และบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในปี 2020 ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยหนุนค่าเงินยูโรได้เท่าไหร่นัก

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวแบบทรงตัว หรืออยู่ในแดนลบตลอดสัปดาห์นี้ เนื่องจากพันธบัตรสหรัฐฯที่เป็น Safe-haven กำลังถูกเข้าซื้ออย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งจะไปหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่คืนนี้จะมีการประกาศยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ (US Durable Goods) ที่ถูกคาดว่าจะออกมาดีขึ้น จึงอาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นได้อีก



สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

· ทางการจีนรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 106 ราย และติดเชื้ออีก 4,515 ราย ส่วนจำนวนผู้ที่ได้รักษาการรักษาหายและออกจากโรงพยาบาลแล้วมี 60 ราย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสเป็นรายแรกในกรุงปักกิ่งของประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดสั่นคลอนด้วยความกังวลว่าอาจเป็นปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจของประเทศจีน


· กระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ยกระดับการเฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกประเทศจีนจากระดับ 2 สู่ระดับ 3 พร้อมแนะนำให้ชาวอเมริกันพิจารณาใหม่อีกครั้ง หากจะเดินทางไปยังประเทศจีนช่วงนี้


· ทางการเยอรมนีประกาศว่า ตรวจสอบพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนาภายในประเทศได้เป็นเคสแรกแล้วในวันนี้


· รายงานจาก Xinhua ระบุว่า ประธานองค์กรอนามัยโลก (WHO) แสดงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาของรัฐบาลจีน พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกอย่าได้ตื่นตระหนก ภายหลังจากที่ประธานได้ร่วมประชุมกับทางการจีนเกี่ยวกับการรับมือเชื้อไวรัส ณ กรุงปักกิ่ง วันนี้


· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น เตือนว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงปริมาณการผลิตจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศ


· ขณะที่ฟิลิปปินส์ประกาศระงับวีซ่าสำหรับการเดินทางเข้ามาในประเทศสำหรับผู้ที่มีสัญชาติจีนเป็นการชั่วคราวทุกกรณี


· ผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองเกี่ยวกับการไต่สวนประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า การไต่สวนครั้งนี้อาจไม่ลงเอยด้วยการปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง แต่อาจส่งผลกระทบต่อที่นั่งในวุฒิสภาหลังการเลือกตั้งเดือน พ.ย.

กล่าวคือ พรรครีพับลิกันอาจไม่สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ เนื่องจากวุฒิสมาชิกส่วนใหญ่ต่างชิงเก้าอี้มาได้ ด้วยคะแนนเลือตั้งภายในเขตของตนเองที่ค่อนข้างฉิวเฉียด ดังนั้นการดำเนินกระบวนการไต่สวนครั้งนี้ อาจทำให้ประชาชนบางส่วนกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะเลือกตัวแทนจากฝ่ายใดให้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก

ขณะที่หน่วยงานด้านสถิติการเลือกตั้งที่ไม่ขึ้นตรงกับฝ่ายใดอย่าง The Cook Political Report Inside Elections, และ Sabato’s Crystal Ball ต่างประเมินว่า ผลลัพธ์จากการไต่สวนครั้งนี้ อาจทำให้พรรครีพับลิกันเสียที่นั่งในวุฒิสภาไปอย่างน้อย 5 – 7 ที่นั่ง รวมถึงสมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีแนวคิดสวนทางอีก 2 ที่นั่ง



· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นวันที่ 6 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนและประเทศอื่นๆจึงยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอุปสงค์พลังงาน

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 37 เซนต์ หรือ -0.6% ที่ 58.95 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำต่ำสุดรอบ 3 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ 58.5 เหรียญ/บาร์เรล โดยที่เชื้อไวรัสดูจะเร่งให้เกิดการเทขายเข้ามาอย่างหนักในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 29 เซนต์ หรือ -0.6% ที่ 52.85 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำต่ำสุดตั้งแต่ต้นต.ค. ในช่วงต้นตลาดแถว 52.13 เหรียญ/บาร์เรล

สหรัฐฯประกาศเตือนการเดินทางไปยังจีนและประเทศอื่นๆ โดยที่ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 100 คน

ด้านนักลงทุนตลาดน้ำมันกังวลต่อคำประกาศเตือนเรื่องการท่องเที่ยวดังกล่าวของสหรัฐฯ และมาตรการคุมเข้มต่างๆ ที่อาจเข้ากระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆ ที่อาจสร้างอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมันท่ามกลางภาวะอุปทานที่ยังอยู่ระดับสูง





· WTI: ภาวะ Oversold ใน RSI อาจชะลอทิศทางขาลงได้ระยะหนึ่ง

ราคาน้ำมัน WTI ในช่วงสายวันนี้ เริ่มชะลอตัวแถว 53.00 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องและทำระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค.

ขณะที่ภาวะ Oversold ใน RSI บ่งชี้ว่า ราคาน้ำมันอาจจะสามารถรีบาวน์ขึ้นจากระดับ 51.60 เหรียญ/บาร์เรลได้บ้าง แต่ถ้าหากไม่สามารถทำได้ ราคาอาจย่อตัวลงไปถึง 50.00 เหรียญ/บาร์เรล

ส่วนในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 50.00 เหรียญ/บาร์เรล สักระยะหนึ่ง เป้าหมายถัดไปก็จะอยู่ที่ระดับ 47.00 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2018

ในทางกลับกัน หากราคาฟื้นตัวเหนือระดับ 54.50 เหรียญ/บาร์เรล จะเป็นการลบสัญญาณขาลงในระยะสั้นและฟื้นตัวขึ้นได้ แต่จะเผชิญแนวต้านที่ระดับ 57.25 – 57.35 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนที่จะไปถึง 60.00 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com