ราคาทองคำเป็นหนึ่งในไม่กี่สินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ยังคงปรับตัวขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้ตลาดการเงินอื่นๆดิ่งลง
ภาพรวมราคาทองคำปรับขึ้นเกือบ 20% ในปีที่ผ่านมา และไปทำสูงสุดตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซิลเวอร์และแพลทินัมต่างก็ปรับตัวขึ้นตามกัน ทางด้านผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า ทองคำอาจไปแตะ 2,000 เหรียญได้ในอีกไม่นาน โดยทองคำเคยทำ All Time-High ยืนเหนือ 1,900 เหรียญในปี 2011 ช่วงที่เกิดวิกฤตหนี้ยุโรป
ประธานและ CEO จาก Blanchard & Company กล่าวว่า ยังมีปัจจัยอีกมากที่ดูจะไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าจีนอาจชะลอตัวลงจากไวรัสโคโรนาที่อาจส่งผลเสียลามไปทั่วโลก และต้องไม่ลืมว่าตลาดยังกังวลเรื่องตึงเครียดตะวันออกกลางที่ยังไม่หายไปจากตลาด
ขณะที่ความผันผวนในตลาดหุ้นดูจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ควบคู่กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 จึงมีโอกาสเห็นนักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำในพอร์ต 5-10% และอาจจะทำให้เราเห็นราคาขึ้นได้อีกเท่าตัว และมีโอกาสทำ All Time High แตะ 2,000 เหรียญ ซึ่งหากไม่ใช่ปีนี้ก็มีโอกาสเห็นถึงการปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ทองคำไม่ใช่สินทรัพย์เดียวที่ได้รับอานิสงส์จากความกังวลเรื่องดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ขณะที่แพลทินัมและพลาเดียม รวมทั้งซิลเวอร์ต่างก็ปรับตัวขึ้นได้อย่างดีในปีที่ผ่านมา
นักบริหารพอร์ตจาก US Global Investors กล่าวว่า ประมาณ 5-10% ที่นักลงทุนย้ายมาถือครองทองคำหรือหุ้นทอง และนี่คือการยืนยันถึงการเริ่มต้นการฟื้นตัวของทองคำ และทองดูจะปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง จากกลุ่มนักลงทุนที่ดูจะกังวลมากขึ้นและหนุนความต้องการในฐานะ Safe-Haven และบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ๆทั่วโลกก็มีการเพิ่มการถือครองทองคำให้สูงขึ้นด้วย
รายงานจากสภาทองคำโลก ชี้ว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ธนาคารกลางมีการซื้อทองเพิ่ม 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 โดบมีสถานะการซื้อสุทธิ 547.5 เมตริกตัน
นอกจากนี้ นโยบายผ่อนคลายทางการเงินทั่วโลกจากสภาวะเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน โดยเฉพาะผลประกอบการบริษัทที่ยังคงลดลงในปีที่แล้ว และการที่ธนาคารต่างๆเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินดูจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นแทนผลประกอบการของภาคบริษัท
ที่มา: CNN