• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563

    3 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News

· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

รายงานล่าสุดพบว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจากจีนสู่ประเทศอื่นๆอีกกว่า 23 ประเทศทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแถว 14,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตสูงกว่า 300 ราย โดยมี 1 รายเสียชีวิตนอกประเทศจีน และทำให้เราเห็นว่า ไวรัสดังกล่าวดูจะรุนแรงกว่า SARS ที่สรุปผลในช่วงก.ค. ปี 2003 ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อในช่วง 9 เดือนที่ระดับ 8,098 ราย ขณะที่ MERS ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2012 มีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 ราย



และผลจากระยะเวลาภายในไม่กี่สัปดาห์ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกที่สูงขึ้นกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสองตัวร้ายก่อนหน้า โดย SARS คิดเป็นผู้เสียชีวิต 10% และ MERS มีจำนวนผู้เสียชีวิต 1 ใน 3


- รายงานจาก New York Times ระบุว่า ไวรัสโคโรนาได้มีผู้ติดเชื้อในแถบเอเชียสูงกว่า 14,500 รายไปแล้วตามรายงานของกระทรวงสาธรณะสุขจีน และยังมีอีกหลายๆประเทศที่พบผู้เข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อแต่ยังไม่มีรายงานยืนยันกลับมา และในช่วงบ่ายวันนี้มีการยืนยันยอดผู้เสียชีวิตที่ 305 ราย ซึ่งเกือบทั้งหมดเสียชีวิตในจีนแต่มีเพียง 1 รายที่เสียชีวิตนอกประเทศจีน โดยเสียที่ฟิลิปปินส์

- รายงานจาก CNBC เช้านี้ เผยข้อมูลจากสำนักคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพในมณฑลหูเป่ย ระบว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 2,829 ราย สู่ระดับ 17,205 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 57 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตพุ่งขึ้นแตะ 361 ราย และมีรายงานว่าไม่น้อยกว่า 24 เมืองในประเทศ ทางภาคธุรกิจยังไม่เปิดบริการ โดยขยายเวลาการปิดทำการไปจนถึง 10 ก.พ. หรืออาจยาวนานกว่านั้น

- ล่าสุดรอยเตอร์ส เผยว่า ธนาคารกลางจีนเช้านี้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเพิ่ม 1.2 ล้านล้านหยวน (1.74 แสนล้านเหรียญ) ผ่านอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ในวันนี้ ท่ามกลางตลาดหุ้นที่เตรียมกลับมาเปิดทำการในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหนักขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน ยังระบุว่าจะใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อเสริมสภาพคล่องและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจอีกด้วย

- สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อรายที่ 9 ที่ได้รับการยืนยันจากเมืองซานตา คลารา ขณะที่อีก 2 รายก่อนหน้าพบในพื้นที่อ่าวของซานฟรานซิสโก และทางด้านรัสเซียปิดให้บริการ Russian Railways ในการเดินทางไปจีนเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาจนกว่าจะมีการประกาศอีกครั้ง

- สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า การก่อสร้างโรงพยาบาลเพื่อการรักษาไวรัสโคโรนาในช่วงเวลา 10 วันเป็นการเร่งด่วนของจีนได้ก่อสร้างเป็นที่แล้วเสร็จโดยจะมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ 1,400 ราย รวมถึงแพทย์ทหารที่จะเข้าปฏิบัติการวันแรกในวันนี้ โดยจะมีเตียงรองรับผู้ป่วย 1,000 ราย

- สหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ และห้ามต่างชาติที่เดินทางไปจีนในช่วง 2 สัปดาห์เข้าประเทศ ส่วนประชาชนที่เดินทางกลับจากจีนหรือมณฑทลหูเป่ยจะถูกกักบริเวณเพื่อรอดูอาการนาน 14 วัน และทีมบริหารของนายทรัมป์ดูจะหามาตรการต่างๆในการจำกัดและควบคุมการเดินทางของประชาชนที่มาจากจีนเข้าสู่สหรัฐฯ

- นายทรัมป์สั่ง Shutdwon หวั่นไวรัสโคโรนาเข้าคุกคามประเทศและเพื่อเป็นการปกป้องพลเมืองของสหรัฐฯ และเปิดเผยว่า จีนไม่ยอมรับข้อเสนอด้านการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ

- ญี่ปุ่นออกโรงหามาตรการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แม้ว่าจีนจะออกมาตรการใหม่มาเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดก็ตาม แต่ก็ดูกลุ่มนักท่อทเที่ยวและภาคธุรกิจก็ยังจะได้รับผลกระทบดังกล่าว

· ค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์แข็งค่าขึ้นในคืนวันศุกร์จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกจากไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดจากจีนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่การดำเนินการในจีนนั้นอาจไม่เพียงพอจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดกลับมาพิจารณาถึงผลกระทบดังกล่าว โดยทางสหรัฐฯและประเทศอื่นๆได้ประกาศมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ ทางด้านภาคธุรกิจต่างๆกล่าวว่า พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาอุปทานจากไวรัสดังกล่าวเช่นกัน

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลได้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร โดย Core PCE Price Index ปรับขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่ปรับขึ้นกว่า 0.1% ในเดือนพ.ย. และภาพรวมรายปีดัชนีดังกล่าวที่ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อก็ปรับขึ้นได้ 1.6% ในเดือนธ.ค. จาก 1.5% ในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามและกังวลต่อไวรัสโคโรนาที่ดูจะกระทบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะภาคธุรกิจในกลุ่มสายการบินและโรงแรม โดยเมื่อวันศุกร์มีรายงานผู้เสียชีวิต 213 รายและติดเชื้อ 9,800 รายก่อนจะมียอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเพิ่มขึ้นตามมา ขณะที่มีประเทศที่ติดเชื้อไม่รวมจีนเพิ่มขึ้นเป็น 23 ประเทศ

เงินหยวนอ่อนค่าต่ออีก 0.1% ที่ 6.9884 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอ่อนค่าไปแตะ 7.0038 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่เงินเยนแข็งค่ามา 0.54% ที่ 108.36 เยน/ดอลลาร์ และออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่า 0.3% ที่ 0.6699 ไปทำต่ำสุดรอบ 4 เดือนในช่วงต้นตลาด

ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแถว 97.414 จุด โดยปรับอ่อนค่าลงหลังจากยืนเหนือ 97.8 จุดได้ในสัปดาห์ที่แล้ว

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ท่ามกลางตลาดที่วิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจากจีนไปสู่อีก 20 กว่าประเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงกว่า 200 ราย โดยน้ำมันดิบ Brent ปิด -21 เซนต์ ที่ระดับ 58.08 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิด -58 เซนต์ หรือคิดเป็น -1.1% ที่ระดับ 51.56 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเดือนม.ค.นี้ น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 และเป็นเดือนที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ค.

อุปสรรคในห่วงโซ่อุปทานและการจำกัดการท่องเที่ยวถูกคาดว่าจะเป็นผลร้ายต่อเศรษฐกิจจีน และทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ดูจะทำการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจจีน ขณะที่ธนาคารเพื่อการลงทุนอย่าง Goldman Sachs มองว่าไวรัสโคโรนาจะทำให้เศรษฐกิจจีนปีนี้ปรับตัวลงไปประมาณ 0.4% ในปี 2020 และมีความเป็นไปได้ที่ฉุดการเติบโตของสหรัฐฯด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์ ระบุถึง ไวรัสโคโรนายังอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันในจีนลดลงไปกว่า 250,000 บาร์เรล/วัน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

· ซาอุดิอาระเบียจะทำการเปิดการหารือเกี่ยวกับนโยบายต่อไปสำหรับการประชุมในช่วงต้นเดือนก.พ. - มี.ค. โดยจะเพิ่มประเด็นผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่ออุปสงค์น้ำมัน ซึ่งวาระแรกจะเริ่มประชุมในวันที่ 4-5 ก.พ.นี้

· ผู้บริหารบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของยุโรปอย่าง Royal Dutch Shell เตรียมมาตรการคุมเข้มเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในตลาดพลังงาน โดยกล่าวย้ำถึงความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่กลุ่มโอเปกและประเทศสมาชิกนอกโอเปกจะมีการหารือกันในเร็วๆนี้เพื่อขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปเพื่อสนับสนุนการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในเวลานี้ ขณะที่ตลาดการเงินถูกสั่นคลอนจากจำนวนการติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ไวรัสโคโรนาจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจต่างๆตามมา

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com