• ราคาทองคำยังมีแนวโน้มขึ้นต่อ แต่ปัจจัยหนุนไม่ใช่แค่ไวรัส

    4 กุมภาพันธ์ 2563 | Gold News
 


จริงอยู่ที่การระบาดของไวรัศโคโรนาเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้บริหารสถาบัน BullionRock มีมุมมองว่า ปัญหาไวรัสโคโรนาไม่ใช่เป็นเพียงปัจจัยเพียงหนึ่งที่สนับสนุนการขึ้นของราคาทองคำ


ในปี 2019 ก่อนเกิดการระบาดของไวรัส ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นได้ถึง 20% เนื่องจากคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างตกต่ำ อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำหรือติดลบ แนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า สงครามการค้า และสงครามจริงๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่ค่อนข้างเลวร้าย และกีดกันไม่ให้เกิดเรื่องดีๆขึ้นมาได้ ราคาทองคำจึงปรับขึ้นมาได้ด้วยออัตราที่มากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ



เห็นได้จากการที่บรรดาธนาคารกลางได้เพิ่มการเข้าซื้อทองคำมากถึง 1.57 หมื่นล้านเหรียญ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2019



ในขณะที่ปริมาณการถือครองทองคำในประเทศจีนทั้งหมดคิดเป็น 28% ของปริมาณถือครองทองคำจากทั้งโลก นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan มีความเห็นว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนมาจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ตกต่ำลง เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน มิ.ย. ปีนี้



ไม่เหมือนกับช่วงที่เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน จะเห็นได้ว่าในช่วงนี้ราคาทองคำปรับขึ้นได้โดยไม่มีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมาขัดขวาง โดยราคาทองคำปรับขึ้นมา 17 เหรียญ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับลง 0.135% หรือคิดเป็นราคาทองคำปรับขึ้น 43 เหรียญ เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในประวัติศาสตร์



เหตุผลแรก คือเมื่อมองในมุมของการประเมินมูลค่า ราคาทองคำทองคำไม่เคยเสียผลกำไรที่ขึ้นมาได้ถึง 130 เหรียญในช่วงต้นเดือน ม.ค. ดังนั้นการที่ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวหรือปรับขึ้นไม่ได้มากเท่าที่ควรในช่วงนี้ จึงเปรียบเสมือนการปรับฐานในเชิงผลตอบแทน



เหตุผลที่สอง ที่ราคาทองคำปรับขึ้นไม่ได้มากเท่าที่ควร น่าจะมาจากปริมาณความต้องการทองคำแท่งหรือรูปพรรณที่ค่อนข้างซบเซาเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศจีน



ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากสองเหตุผลนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาทองคำอาจจะปรับขึ้นไม่ได้มากอย่างที่ควรในไตรมาสที่ 1/2020 โดยเฉพาะการซื้อขายทองคำในประเทศจีนและอินเดียที่ซบเซา ซึ่งการบริโภคทองคำของ 2 ประเทศนี้คิดเป็น 60% ของปริมาณบริโภคทองคำจากทั้งโลก แม้จะยังมีกระแสเงินทุนไหลเข้ามาในกองทุน ETFs อย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณความต้องการทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณที่ซบเซา อาจทำให้นักลงทุนบางส่วนพิจารณาชะลอการลงทุนเพื่อจับตาดูสถานการณ์ไปก่อน


ที่มา : CNBC


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com