• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563

    6 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและเงินหยวนจีนแข็งค่า หลังจีนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯบางรายการลงครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการแสดงความประสงค์ที่ดีและช่วยให้ตลาดเกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาไปได้

ค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.2% แถว 6.9601 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าที่สุดของวันที่ 23 ม.ค. ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า 0.2% แถว 0.6759 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินวอนเกาหลีใต้แข็งค่า 0.5%

ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ที่ 109.95 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อ โดยเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ดอลลาร์แข็งค่า 0.1% แถว 1.2977 ดอลลาร์/ปอนด์ และทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโรแถว 1.0996 ดอลลาร์/ยูโร



· จีนประกาศลดภาษีครึ่งหนึ่ง สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯหลายร้อยรายการ

รัฐบาลจีนประกาศลดภาษีสินค้านำเข้าลงครึ่งหนึ่ง สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯหลายร้อยรายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.5 หมื่นล้านเหรียญ

โดยจีนจะปรับลดระดับภาษีสินค้าจากสหรัฐฯลงจาก 10% สู่ระดับ 5% และสินค้าจากประเทศอื่นๆจาก 5% สู่ระดับ 2.5% และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 13.01 น. เป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเป็น Timezone ใด

รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า การปรับลดภาษีครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อ "ผลักดันให้ความสัมพันธ์ทางการค้าอันดีระหว่างสหรัฐฯและจีนพัฒนาสู่ขั้นต่อไป" แต่ไม่ได้ระบุว่ามีความเกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัสโคโรนาหรือไม่


· จีนอาจเลื่อนประชุมรัฐสภาประจำปี

รายงานจาก Reuters ระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเลื่อนการประชุมรัฐสภาประจำออกไปอย่างไม่มีกำหนด ท่ามกลางภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังเป็นวิกฤติภายในประเทศ

ทั้งนี้ กำหนดการเดิมของการประชุมรัฐสภาประจำปีคือวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนกว่า 3,000 คน เข้าร่วมการประชุมเป็นเวลา 10 วัน จึงเป็นการประชุมสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายต่างๆภายในประเทศจีนตลอดปีนั้นๆได้



· จีนมีแนวโน้มที่จะเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องกับภัยภิบัติทางธรรมชาติ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 ราย ซึ่งแหล่งข่าววงในของ Reuters ระบุว่า จีนอาจมีการดำเนินการภายในช่วงปลายไตรมาสที่ 1/2020



· สำนักงานสถิติ ระบุว่า ยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีประจำเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลงอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากปริมาณอุปสงค์ที่ลดลงจากประเทศยูโรโซนอื่น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการชะลอตัวของภาคการผลิตจะยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตโดยรวมในเศรษฐกิจ

สำหรับสินค้า 'Made in Germany' ปรับลดลง 2.1% จากเดือนก่อน นั่นเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนก.พ.และเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของ Reuters ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%

ชาวอเมริกันที่เดินทางกลับจากจีนเกือบ 350 รายถูกกักตัวอยู่ที่ฐานทัพ 2 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ขณะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 12 ราย

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่เดินทางกลับจากจีนด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่ทางการจัดเตรียมให้ ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองและถูกกักตัวในพื้นที่ที่กำหนดเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาฟักตัวของเชื้อไวรัส

โดยมีผู้โดยสาร 5 รายที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงเด็กอีก 2 รายนั้น ได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด



· ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคระบาดไต้หวัน ประกาศห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้าไต้หวัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังรวมถึงชาวต่างชาติที่เดินทางไปฮ่องกงและมาเก๊าด้วย

ทั้งนี้ ชาวไต้หวันที่เคยเดินทางไปจีน ฮ่องกง หรือมาเก๊า จะต้องกักตัวอยู่ในบ้านของตนเองเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่ชาวฮ่องกงและมาเก๊าที่อาศัยในไต้หวันก็จะต้องกักตัวอยู่ในที่พักเป็นเวลา 14 วันเช่นกัน



· Nokia ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมของฟินแลนด์ รายงานว่า ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ โดยได้แรงหนุนจากการลดต้นทุนและผลประกอบการในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่สี่



· ราคาสัญญาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเป็นวันที่สอง ความท่ามกลางความเชื่อมั่นของตลาดที่ดีขึ้น หลังมีรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะสามารถพบยาที่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แล้ว จึงอาจช่วยให้ปริมาณอุปสงค์น้ำมันประเทศจีนฟื้นกลับขึ้นมาได้



โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.4% แถว 56.05 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากวันก่อนปรับขึ้นมาได้ 2.4% ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.9% แถว 51.70 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากวันก่อนปรับขึ้นมาได้ 2.3%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com