· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในวันนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางยอดผู้ชีวิตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสดังกล่าว
โดยยอดผู้เสียชีวิตในจีนจากไวรัสตัวใหม่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในสองสัปดาห์
รายงานอย่างเป็นทางการสำนักคณะกรรมาธิการสาธารณสุขจีน เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม ซึ่งก็ยังคงเป็นการเสียชีวิตในพื้นที่แพร่ระบาดอย่างมณฑลหูเป่ยของจีนเป็นหลัก โดยมียอดเพิ่มมาอีก 73 ราย รวมเป็น 636 ราย และพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3,143 ราย รวมเป็น 31,161 ราย
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.9%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไารหลังจากที่ภาพรวมรายวันดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบมากกว่า 1 ปี ในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่จีนประกาศจะทำการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯลงครึ่งหนึ่ง
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.2% ที่ระดับ 23,827.98 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น 2.7% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์
ขณะที่การปรับตัวลดลงถูกจำกัดจากการที่หุ้นกลุ่ม SoftBank พุ่งสูงขึ้น 7.1% หลังจากที่สื่อรายงานว่า เอลเลียตแมเนจเมนท์ ได้รวบรวมส่วนแบ่งมูลค่าเกือบ 3 พันล้านเหรียญในกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นและกำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการกำกับดูแลและความโปร่งใส
ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.2% ที่ระดับ 1,733.32 จุด หลังจากขึ้นไป 2.1% ในช่วงก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าภาพรวมรายสัปดาห์จะปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีน โดยมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 630 ราย
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 2,875.96 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ลดลง 3.4% หลังจากที่ตลาดเผชิญแรงเทขายเมื่อวันจัทนร์ที่ผ่านมา หลังกลับมาเปิดทำการหลังจากวันหยุดตรุษจีน
· ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.1% ด้านหุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 0.8% ขณะที่หุ้นเทเลคอมเพิ่มขึ้น 0.3%
ขณะที่ S&P Global Ratings กล่าวในรายงานว่า บริษัท ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของจีนในปีนี้สู่ระดับ 5% จาก 5.7%
ด้านนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบของจีนและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เจรจาร่วมกันผ่านโทรศัพท์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในวันนี้ โดยผู้นำจีนได้ระบุว่า จีนมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถกำจัดการแพร่ระบาดครั้งนี้ได้
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 วันนี้ว่า ผลคำตัดสินที่เลวร้ายที่สุดคือ พ.ร.บ.งบประมาณตกทั้งฉบับ ซึ่งอาจไม่เสียหายมาก แต่เสียเวลามากกว่าปกติ คือ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ใหม่ และเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภา ซึ่งต้องมีการตกลงกันว่าจะมีการพิจารณา 3 วาระ หรือต้องมีการตั้งกรรมาธิการ ซึ่งจะเป็นไปในทิศทางใดต้องรอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน
- ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณากรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องและคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีพอวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา จึงให้พยานบุคคลรวม 17 ปากตามที่ผู้ถูกร้องยื่นบัญชีระบุพยาน จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 ก.พ.2563
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า หลังจาก คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้น คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ ธนาคารพาณิชย์คงต้องเผชิญโจทย์หินหลายประการ ทั้งการลดดอกเบี้ย การชะลอตัวของสินเชื่อ ปัญหาคุณภาพหนี้ และการช่วยเหลือลูกค้าที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการทั้งทางตรงและทางอ้อม
- ธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนต่างปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1% ต่อปี 4 แบงก์ทยอยลดดอกเบี้ย กรุงไทย-ไทยพาณิชย์-ออมสิน-ธอส.ลดกู้ ตรึงฝากออมทรัพย์-แอบลดฝากประจำ
- EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate สำหรับลูกค้าทั่วไปและ SMEs (เทียบเท่า MRR ของธนาคารพาณิชย์) จากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำสุดในระบบ SFIs อยู่แล้ว เหลือเพียง 5.985% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป พร้อมเสนอโปรแกรมสินเชื่อพิเศษช่วยสนับสนุนให้มีเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจหรือนำเข้าเครื่องจักร เทคโนโลยีการผลิต เพื่อขยายกำลังการผลิตหรือปรับปรุงโรงงาน ในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 2% ต่อปี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- ADVANC เผยปี 62 มีกำไร 3.05 หมื่นลบ. โต 3.46% รับรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ - เน็ตบ้านเติบโต อวด EBITDA โต 6.3% มาอยู่ที่ 7.84 หมื่นลบ. พร้อมปันผล 3.56 บ./หุ้น เตรียมแถลงแผนปี 63 หลังประมูล 5G กลางเดือนนี้
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 31,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.46% จากช่วงเดียวกันปี 2561 ที่มีกำไร 29,682.17 ล้านบาท
อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
- ศูนย์เคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุว่า วิกฤติไวรัสส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและส่งออกไทยเสียหาย 1.5 แสนล้านบาท โดยสถานการณ์ล่าสุดองค์กรอนามัยโลกประกาศการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภัยฉุกเฉินสากล(PHEIC) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไม่ให้ลามไปทั่วโลก และรัฐบาลจีนยังเดินหน้าใช้มาตรการป้องกันการลุกลามอย่างเข้มงวด ทำให้เรายังคงประเมินผลกระทบความรุนแรงจากไวรัสครั้งนี้อยู่ในวงจำกัด
โดยผลกระทบรุนแรงจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน และการส่งออกไปจีนจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2563 อยู่ที่ 38.7 ล้านคน รายได้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวข้องลดลง 1 แสนล้านบาท รวมทั้งยอดส่งออกไปจีนจะลดลง 2.8 หมื่นล้านบาท ฉุดภาพรวมส่งออกทั้งปี 63 เติบโตลดลงเหลือ 0.6% จากเดิมมองที่ 1.2%