1. การระบาดของโคโรนาไวรัส
เมื่อวันอาทิตย์ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นอีก 89 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเฉพาะในประเทศจีนเพิ่มเป็น 811 ราย (813 ราย หากรวมทั่วโลก) ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าผู้เสียชีวิตจากโรคซาร์สเมื่อช่วงปี 2002 และ 2003 ตามข้อมูลขององค์กรอนามัยโลก (WHO)
เศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวในปีนี้อยู่แล้ว จึงเผชิญแรงกดดันที่หนักหน่วงกว่าเดิมจากการระบาดของไวรัส โดยทาง Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกลงสู่ระดับ 4% จากเดิม 5.6% และมองว่ามีแนวโน้มที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ได้อีก
2. การรายงานตนของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดการขึ้นกล่าวแถลงการณ์ผลการดำเนินนโยบายการเงินประจำปีต่อคณะกรรมการด้านการธนาคารสหรัฐฯทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรภายในสัปดาห์นี้
โดยมีกำหนดจะรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรในคืนวันอังคาร เวลา 22.00 น. และ ต่อวุฒิสภาในคืนวันพุธ เวลา 22.00 น. เช่นเดียวกัน
ก่อนเริ่มถ้อยแถลง 90 นาที ทางสภาคองเกรสจะเปิดเผยเนื้อหาของถ้อยแถลงออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรสู่สาธารณะ
นายโพเวลล์มีแนวโน้มที่จะกล่าวสนับสนุนแนวคิดที่ว่าเฟดจะคงนโยบายตลอดปีนี้ ท่ามกลางตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง
3. เงินเฟ้อสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯภายในคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
โดยดัชนีราคาผู้บริโภคถูกคาดว่าจะประกาศออกมาเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อน ซึ่งเท่ากับการขยายตัวในเดือน ธ.ค. หากเป็นไปตามคาดจะทำให้ภาพรวมดัชนีราคาผู้บริโภครายปีเพิ่มเป็น 2.5% จากเดิมที่ 2.3%
ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 2.2% สำหรับภาพรวมรายปี
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดพิจารณากลับมาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยด้วยอัตราที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงจะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย
4. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐฯภายในคืนวันศุกร์ เวลา 20.30 น.
โดยคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อน หลังจากเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเดียวกันในเดือน ธ.ค. ในขณะที่ยอดค้าปลีกที่ไม่รวมกลุ่มยานพาหนะ ถูกคาดว่าจะขยายตัว 0.3%
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มสูงขึ้น บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ในขณะที่ยอดค้าปลีกที่ลดลงบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการบริโภคคิดเป็น 70% ของ GDP สหรัฐฯ
5. โค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการ
ช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการรายงานผลประกอบการของภาคบริษัท
วันจันทร์: Allergan และ Loews
วันอังคาร: Lyft, UnderArmour, AutoNation, Hilton, Hasbro, Dominion Energy, และ Lattice Semiconductor
วันพุธ: CVS Health, Shopify, Cisco, Applied Materials, CyberArk, CME Group, Barrick Gold, Teva Pharma, และ MGM Resorts
วันพฤหัสบดี: Alibaba, Nvidia, Pepsico, Kraft Heinz, Roku, AIG, Expedia, Mattel, และ Wyndham Hotels
วันศุกร์: Canopy Growth และ Newell Brands
ที่มา: Investing.com, Reuters