• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563

    18 กุมภาพันธ์ 2563 | SET News

· นักวิเคราะห์จาก FX Empire คาดดัชนี S&P500 อาจฟื้นตัวได้ต่อแม้จะถูกจำกัดจากตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำในวันหยุดต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยดัชนี S&P500 มีโอกาสปรับลงมาเพื่อเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ โดยอาจหลุดกลับลงมาแนว 3,335 จุด และ 3,300 จุดได้ ซึ่งระดับดังกล่าวถือเป็นแนวรับที่ดี และภาพรวมของดัชนี S&P500 ก็ยังคงมีโอกาสขึ้นได้ต่อ นักลงทุนจึงไม่ควรทำสถานะ SHort ในเวลานี้ โดยที่ระดับ 3,500 จุด ถือเป็นระดับเป้าหมายที่ค่อนข้างดีสำหรับปีนี้ และมีโอกาสไปถึงได้

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ บริษัท Apple Inc (AAPL.O) ระบุว่า บริษัทจะพลาดรายได้ในไตรมาสเดือนมี. ค. เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและปริมาณอุปสงค์ที่ลดลงในประเทศจีน

คำเตือนจากบริษัทที่มีมูลค่าการซื้อขายทางตลาดมากที่สุดในสหรัฐฯ ส่งผลให้เหล่านักลงทุนเริ่มกังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนและประเทศต่างๆ อาจไม่สามารถช่วยเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากผลกระทบของการระบาดไวรัสดังกล่าวได้

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลง 1.0%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ด้านดัชนี Topix ปรับตัวตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่บริษัท Apple Inc (AAPL.O) กล่าวเตือนว่า บริษัทจะพลาดรายได้ในไตรมาสเดือนมี. ค. เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและปริมาณอุปสงค์ที่ลดลงในประเทศจีน

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 1.4% ที่ระดับ 23,193.80 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 1.3% ที่ระดับ 1,665.71 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง 0.5% ท่ามกลางการร่วงลง 1% ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยดัชนี Shanghai Composite เคลื่อนไหวทรงตัวบริเวณ 2,984.97 จุด

ขณะที่โรงงานผลิตไอโฟนและอุปกรณ์อื่นๆของบริษัทแอ๊ปเปิ้ลในจีน กลับมาเดินเปิดการผลิตอีกครั้งหลังจากที่หยุดไป แต่การผลิตเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ไอโฟนที่ส่งจำหน่ายสู่ตลาดทั่วโลกมีจำนวนไม่มาก

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากบริษัท Apple Inc (AAPL.O) ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและปริมาณอุปสงค์ที่ลดลงในประเทศจีน

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.8% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง 1.6% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2563 ในเบื้องต้นว่าจะขยายตัวต่ำกว่ากรอบล่างของประมาณการที่

2.5%-3.0% โดยยังมองความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2% พร้อมมองว่าการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจจะต้องอาศัย เม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งหากต้องการให้ GDP โตได้ 2% ในปีนี้ อาจจะต้องมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในระบบราวแสนล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สามารถควบคุมได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

- เอ็กซิมแบงก์'คาดส่งออกไทยปีนี้ยังไม่กระเตื้อง ปรับลดตัวเลขเหลือติดลบ 2-0% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตถึง 2% หลัง

เจอปัจจัยรุมเร้าทั้งสงครามค้า-โควิด19-ภัยแล้ง ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โตแค่ 7-8% ไม่สูงมากนัก เหตุปัจจัยลบเพียบ หวังช่วยผู้ประกอบการ

อยู่รอดก่อน ขณะปี'62 มีกำไร 507 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 1.21 แสนล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ดำเนินงานมา

- "กรุงศรีคอนซูมเมอร์" รับเศรษฐกิจชะลอ-หนี้ครัวเรือนสูง กระทบยอดปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตปีนี้ชะลอ 10% พร้อมเข้ม

งวดลูกค้ากลุ่ม Gen Y หลังพบเปราะบาง พร้อมตรวจสอบข้อมูลยิบ หวังคุมหนี้เสีย หลังประเมินสิ้นปีหนี้เน่าขยับเพิ่ม 0.3%

- "สมคิด"ควง"อุตตม"ลุยญี่ปุ่น พบเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประธานเจโทร ธนาคารด้านการเกษตร พร้อมนัดหารือบิ๊ก

อุตสาหกรรมชั้นนำ หวังดึงเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม "บิ๊กตู่" แย้มกำลังพิจารณาหยุดยาวสงกรานต์ 9 วัน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว แจงแค่

เกลี่ยวันหยุดจากตรงอื่นมาใส่แทน ไม่ได้เพิ่มวันหยุด

- บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTT ในการประชุมครั้งที่ 2/2563 มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัท มอดูลัส จำกัด (Modulus) ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกไม่เกิน 10ล้านบาท และให้บริษัท พีทีทีโออาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (OR HoldCo) (เดิมชื่อ บริษัท พีทีที โออาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) (TH HoldCo)) ถือหุ้นทั้งหมด โดย Modulus เป็น บริษัทเพื่อการลงทุนในประเทศไทยในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR

- บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) คาดว่าจะเปิดให้บริการ 5G อินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ไร้สายประจำที่ในไตรมาส 2/63 หลังจาก DTAC ประมูลคลื่นความถี่ 26 GHz ได้มาจำนวน 200 MHz และจะเปิดให้บริการ 5G บนคลื่นความถี่ 700 MHz ในไตรมาส 4/63 โดยจะขยายโครงข่ายเพื่อเพิ่มครอบคลุมใช้งาน 5G โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ซึ่งจะเริ่มติดตั้งโครงข่ายในช่วงครึ่งหลังปีนี้

- นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยกระดับการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์เข้มข้นมากขึ้นเทียบเท่าผู้โดยสารที่เดินทางจากประเทศจีน หลังจากทั้ง 2 ประเทศมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรับผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

อีกทั้งตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 4/62 ออกมาต่ำกว่าคาด และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ยังปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงมาเหลือแค่ 1.5-2.5% ทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยลบเข้ามาทั้งงบประมาณ ปี 63 ล่าช้าและภัยแล้ง เป็นต้น

อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- ราคาหุ้นของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เจอกระหน่ำขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ทำจุดต่ำสุดรอบเช้าวันนี้ไปที่ 69 บาท ก่อนมาปิดตลาดรอบเช้าที่ 69.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.36% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 100.05% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า

AOT เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่าง โควิด-19(COVIDS-19) โดยราคาหุ้นวูบหนักมาตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่ข่าวไวรัสเริ่มได้รับความสนใจ และขณะนั้นมีราคาหุ้นอยู่ที่ 74.25 บาท แม้ราคาหุ้น AOT จะพยายามฟื้นตัวขึ้นมาแตะ 73.50 บาทไปเมื่อ 6 ก.พ. 63 อย่างไรก็ดีด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่ดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อ

- นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ระบุว่า สนามบินของบริษัททั้ง 6 แห่ง ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างมาก โดยจำนวนผู้โดยสารในช่วง 1 - 12 ก.พ.63 ลดลงแล้ว 30% เหลือเพียง 1.5 แสนคน/วัน ซึ่งน่าจะทำให้จำนวนผู้โดยสารไตรมาส 2/63 (ม.ค. - มี.ค.63) ลดลง 15 - 20%

ในช่วง 4 เดือนของงบปี 63 (ต.ค.62 - ม.ค.63) มีจำนวนผู้โดยสารขยายตัวสะสมที่ 3% เมื่อรวมกับ 1 - 12 ก.พ.63 ทำให้จำนวนผู้โดยสารขยายตัวสะสมเหลือเพียง 0% ดังนั้นหากสถานการณ์สิ้นสุดใน 3 เดือน มีโอกาสที่จำนวนผู้โดยสารจะหดตัว 9 - 10% และรายได้ลดลง 9 - 10% เช่นกัน เนื่องจากผู้โดยสารจะเริ่มกลับเข้ามาในช่วงสงกรานต์ แต่หากไม่เป็นไปอย่างที่คาด อาจต้องปรับประมาณการใหม่

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com