· ดัชนีดาวโจนส์ปิด -165.89 จุด หรือ -0.56% ที่ 29,232.19 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -0.29% ที่ 3,370.29 จุด มีเพียง Nasdaq ที่รีบาวน์กลับขึ้นมาปิด +0.02% ที่ 9.732.74 เหรียญ
ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวลงตามรายงานของบริษัท Apple ที่ออกโรงเตือนถึงยอดขายและการพลาดเป้ารายได้ ขณะที่การผลิต iPhone ชะลอตัว ควบคู่กับอุปสงค์จากจีนที่อ่อนแอ จึงทำให้นักลงทุนพากันกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯอื่นๆตามมา
นอกจากนี้ หุ้นบริษัท Apple ยังปิด -1.8% ที่ 319 เหรียญ โดยระหว่างวันทำต่ำสุดที่ราคา 314.61 เหรียญ
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้หลังจากที่ปรับตัวลงไปเมื่อวาน โดยกลุ่มนักลงทุนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อความคืบหน้าที่จีนจะเริ่มกลับมาเปิดทำการบางส่วนในช่วงที่มีการแพร่รระบาดของไวรัสโคโรนา โดยสื่อจีนรายงานว่ากว่า 80%ของบริษัทภายในประเทศจะกลับมาเปิดทำการ และในกลุ่มการผลิตกว่า 20,000 แห่งคาดว่าจะเปิดทำการได้ปกติวันนี้
ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.37% หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1% วานนี้ ด้าน Topix เปิด +0.28% ขณะที่เช้านี้รายงานยอดส่งออกของญี่ปุ่นล่าสุดในเดือนม.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาดสู่ระดับ 2.6% เมื่อเทียบรายปี และน้อยกว่าข้อมูลการส่งออกในเดือนธ.ค. ที่อยู่ที่ระดับ 6.3%
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.28% และ ASX200 เปิดทรงตัว
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.10-31.25 บาท/ดอลลาร์ โดยรวมแล้วตลาดค่อนข้างเงียบมาก ขณะที่การเคลื่อนไหวของค่าเงินมาจากแรงเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์ สำหรับตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระทบ ยังคงเป็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- โฆษกรัฐบาล คาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จะมีเม็ดเงินที่เป็นรายจ่ายด้านการลงทุนเข้าสู่ระบบทันทีประมาณ 4 แสนล้านบาท และเหลืออีก 2.4 แสนล้านบาท ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งรัดกระบวนการในการเตรียมแผนการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งหมดได้ภายในปี 63 ตามกำหนด
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 63 เหลือโตเพียง1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.1% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 19 (โควิด-19) มีแนวโน้มรุนแรง และน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้เดิม ผ่านการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังอาจส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยด้วย รวมถึงยังมีความเสี่ยงจาก Supply chain disruption ที่อาจส่งกระทบต่อการชะลอตัวของการส่งออกไทยเพิ่มเติมได้
- ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน เผย การระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบ GDP ปีนี้ลดลง 0.4-1% โดยหากสถานการณ์แพร่ระบาดสามารถยุติได้ภายใน 3 เดือน คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 1.6 ล้านคน สูญเสียรายได้ราว 8 หมื่นล้านบาท ฉุด GDPลง 0.4% แต่หากสถานการณ์ต่อเนื่องยาวไปถึง 6 เดือน คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปถึง 3.5 ล้านคน สูญเสียรายได้มากกว่า 1.7 แสนล้านบาท ฉุด GDP ลง 1%
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงประเด็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณผ่านการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term loan) จำนวน 20,000 ล้านบาทว่า เป็นการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามปกติทั่วไปเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสรายได้และกระแสรายจ่ายในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ภายใต้ต้นทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม
- นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่ให้มีวันหยุดเพิ่มช่วงสงกรานต์นอกเหนือจากวันหยุดตามปกติ เพราะเชื่อว่าแม้มีวันหยุดยาวเพิ่มก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวมากนัก