• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563

    19 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

- หนึ่งในเจ้าหน้าที่นักวิทยาคุ้มกันของทีมบริหารทรัมป์ที่ถูกแต่งตั้งดูแลเรื่องไวรัสโคโรนา กล่าวว่า แม้จีนจะระบุถึงจำนวนการติดเชื้อไวรัสและการเสียชีวิตที่ลดน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอัตราการติดเชื้อภายในประเทศนั้นชะลอตัวลงอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ จีนเผยรายงานผู้ติดเชื้อเมื่อวันจันทร์ลดลงต่ำกว่า 2,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 30 ม.ค. ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 98 ราย ซึ่งเป็นรายงานยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 11 ก.พ.

- ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO กล่าวว่า ข้อมูลจากจีนแม้จะแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวลง แต่แนวโน้มของการแพร่ระบาดก็ยังต้องอาศัยการตีความด้วยความระมัดระวังอย่างมาก และเราก็ยังไม่เห็นถึงอัตราที่มีเสถียรภาพของการติดต่อภายในพื้นที่ ยกเว้นการแพร่ระราดที่เกิดขึ้นบนเรือสำราญ Dimond Princess ล่าสุด

- นักวิเคราะห์บางราย กล่าวว่า จีนมีการดำเนินมาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง จึงไม่อาจตอบข้อสงสัยได้อย่างแท้จริงเพื่อให้ประชาชนคลายความกังวลได้อย่างแท้จริง และการรับมือกับปัญหาไวรัสโคโรนาก็ดูจะไม่เพียงพอกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดที่ได้รับผลกระทบที่อาจนำไปสู่การที่จีนนั้นย่ำแย่ลง แต่ก็เชื่อว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเหตุการณ์นี้ยังไม่มาถึง


* รายงานจากสำนักงานคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของจีน เปิดเผยล่าสุดว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,749 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 136 รายในวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมมีผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 2,004 ราย และยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวมแล้ว 74,185 ราย

- บรรดานักเศรษฐศาสตร์ออกมากล่าวเตือนถึงภาวการณ์เลิกจ้างงานในจีนภายในช่วงสิ้นปีนี้ หากว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนายังไม่ยุติ โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักเศรษฐศาสตร์จาก Economist Intelligence Unit (EIU) กล่าวว่า สถานการณ์การจ้างงานในเวลานี้ยังอยู่ในระดับดีสำหรับไตรมาสแรก แต่หากไวรัสโคโรนาไม่สามารถควบคุมได้ภายในสิ้นเดือนมี.ค. นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีเป็นต้นไป เราอาจเห็นการเลิกจ้างงานครั้งใหม่ที่อาจสูงกว่า 4.5 ล้านรายได้

- ผลกระทบของไวรัสโคโรนาส่งผลให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมเรียกร้องการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอันเนื่องจากอุปสงค์สินค้าในเกาหลีใต้มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว ขณะที่สิงคโปร์มีการประกาศแพ็คเกจทางการเงินกว่า 4.5 พันล้านเหรียญ และล่าสุดเผยถึงการจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่ม 4.02 พันล้านเหรียญภายในปีนี้เพื่อช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน และยอมรับว่าการแพร่รระบาดของไวรัสดังกล่าวจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจสิงคโปร์อย่างแน่นอน

- ด้านเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีการหดตัวและกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะถดถอยจากการแพร่ระบาดของไวรัสในเวลานี้ หลังพบผู้ติดเชื้อในโตเกียวและทำให้มีการยกเลิกการจัดงานเฉลิมฉลอง พร้อมออกนโยบายจำกัดฝูงชนในพื้นที่ รวมทั้งภาคบริษัทบางส่วนมีการให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านแทน

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าว 2 ราย เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นถูกคาดว่าจะทำการประเมินเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในรายงานการประชุมที่จะเปิดเผยในวันนี้ แม้ว่าสถานการณ์ขณะนี้จะกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม

- กว่า 24 โครงการจัดงานมหกรรมด้านการค้าและการประชุมภาคอุตสาหกรรมในจีนและนานาประเทศประกาศเลื่อนออกไป ท่ามกลางนโยบายการกักกันและควบคุมการเดินทางจากความวิตกกังวลเรื่องไวรัสโคโรนา และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการทำข้อตกลงต่างที่คิดเป็นมูลค่านับพันล้านเหรียญได้

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จากข่าวที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยรอมนีออกมาแย่กว่าที่คาด โดยยูโรร่วงลงไปกว่า 0.38% ที่ระดับ 1.0793 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นการหลุด 1.08 ดอลลาร์/ยูโรลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2017 ขณะที่ภาพรวมปีนี้ยูโรอ่อนค่าลงมาแล้วกว่า 3.7% ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่าที่แย่ที่สุดในรอบ 5 ปี

ZEW เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีในเดือนก.พ. ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดอย่างมาก สู่ระดับ 8.7 จุด และแย่ลงจากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 26.7 จุดในเดือนม.ค. อันเนื่องจากยอดส่งออกที่ปรับตัวลง ทำให้กลุ่มผู้ผลิตดูจะเข้าสู่ยุคถดถอย ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าไวรัสโคโรนาดูจะสร้างผลเสียต่อระบบการค้าทั่วทุกมุมโลก

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนแสดงความวิตกกังวลต่อไวรัสโคโรนาที่เริ่มต้นขึ้นในจีนที่อาจเป็นอุปสรรคต่อภาวะห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และอุปสงค์ในจีนได้ รวมทั้งจะนำมาซึ่งการอ่อนตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีเพิ่มในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

ด้านดัชนีดอลลาร์อยู่ในระดับแข็งค่ารอบ 4 เดือนครึ่ง และมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในบางครั้งเมื่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอ่อนแอ โดยดัชนีดอลลาร์ล่าสุดทรงตัวที่ 99.44 จุด เพิ่มขึ้นจากที่อ่อนค่าในช่วงต้นตลาดบริเวณ 99.139 จุด และค่าเงินเยนทรงตัวที่ 109.91 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.3% ทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 8 วันทำการบริเวณ 7.0109 หยวน/ดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.2997 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ของอังกฤษ กล่าวว่าจะทำการเปิดเผยแผนงบประมาณในช่วง 3 สัปดาห์

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า บรรดาคณะกรรมาธิการยุโรปจะทำการเปิดเผยร่างข้อเสนอแรกในวันนี้เกี่ยวกับการช่วยเหลือภาคบริษัทในยุโรปที่หาประโยชน์เพื่อความร่ำรวยส่วนตนตามข้อมูล รวมทั้งการควบคุมบริษัทออนไลน์บางส่วน อาทิ Facebook Inc, Alphabet Inc’s Google และ Amazon.com Inc. เพื่อช่วยเหลือด้านการแข่งขันของภาคบริษัทในยุโรปให้ดีขึ้นร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆของสหรัฐฯ และจีน ที่เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของโลก

· ราคาน้ำมันดิบทรงตัวท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่จะคุกคามอุปสงค์น้ำมันในจีน แต่ภาพรวมราคาน้ำมันดิบยังมีแรงหนุนบางส่วนจากการที่ลิเบียมีการปรับลดอุปทานน้ำมันลง โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 8 เซนต์ ที่ 57.75 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิดค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 52.05 เหรียญ/บาร์เรล

แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนลดลง แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ทั่วโลก ชี้ว่ายังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสนั้นถูกควบคุมแล้ว ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ หรือ IEA ทำการปรับลดอุปสงค์น้ำมันจากข่าวไวรัสดังกล่าว

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสดูจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อตลาดการเงินต่างๆ อันจะเห็นได้จากตลาดหุ้นเอเชียร่วงลง และตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลัง Apple Inc เผยถึงการพลาดเป้าผลกำไรในไตรมาสแรกของปี รวมไปถึงการลดกำลังการผลิต iPhone และอุปสงค์ในจีนที่อ่อนแอ

ขณะที่ IEA เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มจะปรับตัวลงประมาณ 435,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรที่ประกอบไปด้วยรัสเซีย กำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตในการช่วยสนับสนุนราคา

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com