• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

    20 กุมภาพันธ์ 2563 | SET News
 

· ดัชนี S&P500 และ Nasdaq กลับมาปิดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ท่ามกลางการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่อาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกก็ตาม โดยดัชนี S&P500 ปิด +0.5% ที่ 3,386.15 จุด และมีการทำ All-Time High ที่ 3,385.09 จุด

ด้านดัชนี Nasdaq ปิด +0.9% ที่ 9,817.18 จุด และดัชนีดาวโจนส์ปิด +115.84 จุด หรือ +0.4% ที่ 29,348.03 จุด

รายงานจาก Bloomberg เผยว่าแหล่งข่าววงในของจีน กล่าวว่าจีนกำลังพิจารณาการใช้เม็ดเงินเพิ่มเติมเพื่อทำการช่วยเหลือและอัดฉีดให้แก่อุตสาหกรรมสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

· Goldman Sachs ส่งสัญญาณเตือนกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่สภาวะปรับฐาน ท่ามกลางการประเมินถึงผลลัพธ์ของความเสี่ยงครั้งใหญ่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ที่อาจกระทบต่อผลประกอบการบริษัทต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาหุ้น ณ ปัจจุบันด้วย จึงมีความเสี่ยงสูงที่ภาพรวมตลาดหุ้นจะเข้าสู่สภาวะปรับฐาน

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น หลังจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate หรือ LPR ในวันนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei พุ่งขึ้น 1.51% ท่ามกลางหุ้นกลุ่ม Softbank ที่เพิ่มขึ้น 3.06% ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน 1.1% รวมทั้งดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้น 0.54%

ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ก็ปรับตัวสูงขึ้น ตลาดรอการประกาศข้อมูลภาคแรงงานของออสเตรเลียประจำเดือนม.ค.

หุ้นของสายการบิน Qantas พุ่งขึ้นมากกว่า 6% ตอบรับหลังจากที่เมื่อวานนี้บริษัท ประกาศว่าได้มีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดเอเชียจนถึงปลายเดือนพ.ค.ปีนี้ ท่ามกลางการเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนาที่อาจส้รางความไม่แน่นอนให้กับบริษัท

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.12%

· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์ สำหรับทิศทางคาดว่าระยะสั้นน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ แต่ระยะยาวมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่องหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจเอเชียยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19)

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รมว.คลังของไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะเกี่ยวกับการดูแลความเชื่อมั่นผ่านการสนับสนุนการอุปโภคบริโภคในประเทศ รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวเพื่อดูแลภาพรวมในช่วงเวลานี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยง อาทิ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลก, การเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่ล่าช้า เพื่อให้มาตรการมีผลภายในเดือนมี.ค.นี้

- นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่า กำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในภาพรวมของประเทศกรณีที่ไม่พิจารณาวันหยุดยาว 9 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์

- ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการนำคณะกรรมการเข้าพบนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอมุมมองข้อเสนอแนะของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ 8เรื่องด้วยกัน

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.00% ต่อปี ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 63 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม และต่ำกว่าระดับศักยภาพมากขึ้นมาก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อตลอดช่วงประมาณการเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการช    

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com