

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา
· รายงานล่าสุดจากจีนพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 406 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 52 ราย
ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มเป็น 78,064 ราย และเสียชีวิตในจีน 2,715 ราย
เกาหลีใต้พบผุ้ติดเชื้อเพิ่ม 169 ราย ส่งผลให้ยอดผูติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 1,146 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 11 ราย ซึ่งรายงานการติดเชื้อครั้งใหม่พบว่า 134 รายมาจากเมืองแดกู ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ลำดับที่ 4 ของประเทศที่มีการแพร่ระบาดจากโบถส์ลัดทธิชินชอนจิของเมือง ขณะที่ภาครัฐกำลังทำการตรวจสอบหาเชื้อในกลุ่มประชาชนกว่า 215,000 ราย
อย่างไรก็ดี CDC ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มสัญญาณเตือนการเดินทางมายังเกาหลีใต้สู่ระดับสูง หลังการแพร่ระบาดยังคงแพร่กระจาย
· ทหารสหรัฐฯจำนวน 1 นายที่สังกัดอยู่ในค่าย Carroll ซึ่งตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ถูกตรวจพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา นับเป็นครั้งแรกที่ตรวจพบการติดเชื้อในทหารของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ค่าย Carroll ตั้งอยู่ห่างจากเมืองแดกูออกไปประมาณ 22 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่มีการติดเชื้อมากที่สุดของเกาหลีใต้ ณ ปัจจุบัน นอกจากนี้ ทหารคนดังกล่าวเคยเดินทางไปยังค่าย Walker ที่ห่างจากเมืองแดกูเพียง 4 กิโลเมตรอีกด้วย
ทหารวัย 23 ปีที่ติดเชื้อจึงถูกกักบริเวณ และทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบแหล่งที่คาดว่าน่าจะติดเชื้อมา
· รัฐบาลท้องถิ่นภายในประเทศจีนเพิ่มมาตรการจับตาพฤติกรรมประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ก็ทำให้เกิดเป็นความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของประชาชนในขณะเดียวกัน
· รัฐบาลฮ่องกงประกาศร่างงบประมาณสนับสนุนเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 1.20 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1.54 พันล้านเหรียญ) เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและการระบาดของไวรัสโคโรนา
ร่างงบประมาณดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลฮ่องกงมียอดขาดดุลสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.391 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือคิดเป็น 4.8% ของ GDP ประเทศ
· ค่าเงินดอลลาร์ชะลอการอ่อนค่า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มซบเซาลงไป
โดยดัชนีดอลลาร์วันนี้ค่อนข้างทรงตัวแถว 99.081 จุด หลังจากเมื่อวานอ่อนค่าลง 0.9% จากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 99.915 จุด
ด้านค่าเงินเยนแข็งค่า 0.1% แถว 110.37 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางการเข้าซื้อค่าเงินเยนก่อนเข้าสู่ช่วงสิ้นเดือน แต่ภาพรวมยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าเกือบ 2 เยนจากระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 10 เดือนเมื่อสัปดาห์ก่อน
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาแถว 1.08815 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากลงไปทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่งที่ 1.0778 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อสัปดาห์ก่อน
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่มีความผันผวนต่อภาวะความเสี่ยงสูง ทรงตัวแถว 0.6603 ดอลลาร์ ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 11 ปีที่ 0.6585 ดอลลาร์
· ผู้นำสหรัฐฯ-อินเดียตกลงที่จะผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าเฟสแรก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายนเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันผลักดันให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถทำข้อตกลงการค้าร่วมกันในเฟสแรกได้ แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมไปมากกว่านี้
รายงานดังกล่าวมาจากทางทำเนียบขาว ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายทรัมป์เมื่อวันที่ 24 – 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากการตกลงที่จะทำข้อตกลงการค้าร่วมกันแล้ว นายทรัมป์ยังสามารถเจรจาขายอุปกรณ์ทางการทหารให้กับอินเดียได้เป็นมูลค่า 3 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายทรัมป์ตำหนิระบบภาษีของอินเดีย โดยอ้างว่าเนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีจากต่างชาติสูงที่สุดในโลก
· ตลาดคาดอีซีบีลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.
นักลงทุนในตลาดยุโรปเริ่มคาดการณ์ว่าอีซีบีจะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยภายในเดือน ธ.ค. ปีนี้เป็นวงกว้างมากขึ้น โดยโอกาสดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 50% เมื่อวันจันทร์ มาเป็น 70% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนที่สาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ทำการปิดสถานะ Short หลังราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง 3 วันทำการ แม้ว่าตลาดจะยังมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสที่อาจนำไปสู่การระบาดทั่วโลก
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 42 เซนต์ หรือ +0.8% ที่ 55.37 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปรับขึ้น 43 เซนต์ หรือ +0.9% ที่ 50.33 เหรียญ/บาร์เรล โดยทั้งคู่ต่างปรับลงมาแล้วกว่า 7% นับตั้งแต่ราคาปิดวันพฤหัสบดีที่แล้ว
นักวิเคราะห์จาก Subward Trading กล่าวว่า นักลงทุนทำการ Cover Short หลังน้ำมันดิบ WTI ปรับลงหลุด 50 เหรียญ/บาร์เรล ปนะกอบกับการปรับลดกำลังการผลิตในลิเบีย และคาดการณ์ที่ว่าหลุ่ม โอเปก+ จะช่วยสนับสนุนราคาด้วยการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม
· WTI Price Analysis: ภาพระยะสั้นยังเป็นขาลง จับตาเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน
ราคาน้ำมัน WTI ปรับสูงขึ้นได้ 1.04% ขึ้นมาแถว 50.35 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงต้นตลาดเอเชียวันนี้ โดยราคาฟื้นตัวขึ้นมาได้ท่ามกลางภาวะ Oversold ใน RSI แต่ยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือแนวต้านสำคัญได้
ทั้งนี้ แนวต้านแรกมองไว้ที่ 51.30 เหรียญ/บาร์เรล ที่เป็นแนวต้านของเทรนขาลงตั้งแต่ 20 ก.พ. หากราคาฟื้นตัวเหนือแนวต้านแรกนี้ได้ ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่ 53.73 เหรียญ/บาร์เรล ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน และ 55.73 เหรียญ/บาร์เรล ที่เป็นระดับ 61.8% Fibonacci retracement วัดตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. ถึง 4 ก.พ.
ในทางกลับกัน ราคาจะมีแนวโน้มปรับร่วงต่อหากลงต่ำกว่าแนวรับแรกที่ 49.40 เหรียญ/บาร์เรล และจะมีแนวรับถัดไปที่ 46.75 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของช่วงปลายปี 2018