• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563

    27 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News



รายงานการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 48 ประเทศ ขณะที่การติดเชื้อระหว่างการเดินทางจำนวนมากคือเรือสำราญ Diamond Princess โดยผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 81,407 ราย และผู้เสียชีวิต 2,772 ราย

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกหรือ WHO กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนมีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรก โดย ณ ปัจจุบันผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนสูงกว่า 3,300 ราย และผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีนรวมแล้วกว่า 56 ราย ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอิตาลี, อิหร่าน และเกาหลีใต้ที่ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อการแพร่ระรบาดของไวรัสเพิ่มมากขึ้น

- สหรัฐฯยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ โดยปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 60 ราย โดยทาง CDC คัดแยกการติดเชื้อในประเทศดังกล่าวออกจากจำนวน 45 รายที่ติดเชื้อบนเรือสำราญ

- เยอรมนีมีแนวโน้มการแพร่ระบาดนอกพื้นที่จีนเร็วที่สุด หลังรัฐบาลเยอรมนีเผยถึงการแพร่ระบาดในเวลานี้ และคาดว่าอาจใช้เวลาไม่นานที่ผู้ติดเชื้อจะมีอาการปรากฎ แม้ในเวลานี้จะพบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้นประมาณ 20 รายแต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการติดเชื้อแบบลูกโซ่ เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากที่มีการติดต่อและใกล้ชิดกับกลุ่มคนไข้ และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งใหญ่

- IMF และ World Bank อาจทำการเลื่อนการจัดประชุมที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. (17-19 เม.ย.) ออกไปก่อน ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะมีคณะรัฐบาลต่างๆเข้าร่วมกว่า 10,00 ราย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเวลานี้

- รายงานจาก Booking.com กล่าวเตือนถึงผลกระทบจากไวรัสโคโรนาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมดทำให้ยอดขายปรับลงทั้งหมด ด้าน Kayak.com ที่ให้บริการค้นหาและจองสายการบินคาดผลประกอบการจะลดลงไม่น้อยกว่า 9% ในไตรมาสแรก

ทำให้ภาพรวมการจองการเดินทางท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะลดลงไปมากถึง 10-15% โดยที่ผลกระทบเชิงลบจะกระทบทุกภาคธุรกิจตั้งแต่ไตรมาแรก ซึ่งไม่อาจคาดการณ์ได้ถึงแนวโน้มผลประกอบการ แต่สิ่งที่คาดการณ์ได้ คือ ความไม่แน่นอนระดับสูงจากไวรัสตัวนี้ที่จะกระทบบริษัทและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยทั่วหน้า

- Moody’s Investor Service ทำการหั่นภาวะยอดขายรถยนต์ทั่วโลกอันได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา โดยคาดว่าอุปสงค์จะลดลง ประกอบกับภาวะห่วงโซ่อุปทานที่เผชิญกับอุปสรรคต่างๆ คาดปีนี้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะโตได้เพียง 2.5% โดยปรับลงมา 0.9% จากคาดการณ์ก่อนหน้า หรือที่ 3.4%

- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่งตั้งให้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นผู้ดูแลการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา พร้อมย้ำว่าความเสี่ยงเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯนั้นยังอยู่ในระดับต่ำ

· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อวานนี้ โดยที่เรื่องไวรัสโคโรนาถือเป็นหัวข่าวใหญ่ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.07% ที่ 99.083 จุด หลังไปทำต่ำสุดจากข่าวที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจลุกลามเข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ และความกังวลดังกล่าวได้เข้ากดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีให้ทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

ด้านค่าเงินเยนยังคงถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-Haven จึงเห็นเยนแข็งค่ามาอีก 0.24% ที่ 110.44 เยน/ดอลลาร์ ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อย 0.03% ที่ 1.0882 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มจากผลกระทบของไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดในเวลานี้

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีดิ่งทำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่แตะ 1.302% จึงยิ่งตอกย้ำความกังวลที่ว่าไวรัสโคโรนาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วเวลานี้จะยิ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ด้านผลตอบแทนอายุ 30 ปี เคลื่อนไหวใกล้ต่ำสุดที่ 1.807% ท่ามกลางนักลงทุนที่เข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้

ด้านผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี ทำต่ำสุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2017 ที่ระดับ 1.136% จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และโดยเร็วที่สุดจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย.

เครื่องมือ FedWatch ของ CME สะท้อนว่ามีโอกาสเกือบ 60% ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย. ขณะที่ภาพรวมเหล่าเทรดเดอร์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 3 ครั้งในปี 2020

· สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.52 เหรียญ หรือ -2.7% ที่ 53.43 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปรับลง 1.17 เหรียญ/บาร์เรล หรือ -2.34% ปิดที่ 48.73 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปกว่า 2% หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นนับร้อยรายในเอเชีย, ยุโรป และตะวันออกกลาง ที่ยิ่งจุดประกายความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันที่อาจปรับตัวลง ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น 452,000 บาร์เรล สู่ระดับ 443.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าคาดการณ์

Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ลงสู่ระดับ 600,000 บาร์เรล/วัน จากคาดการณ์เดิมที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน พร้อมปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ลงสู่ระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล จากระดับ 63 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com